พวกเขารับปากด้วยตัวเองกับเจี่ยตง ตอนนี้กลับกลับมาโดยมือเปล่า พวกเขาจะกล้าไปเจอเจี่ยตงได้ยังไง
แต่สิ่งแรกที่เจี่ยตงพูดกับพวกเขาก็คือ
“สหายทั้งสอง การพ่ายแพ้มันเป็นเรื่องธรรมดา”
แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ยังรู้สึกไม่กล้าเผชิญหน้าอยู่ดี
“สหายทั้งสองทุ่มสุดความสามารถแล้ว ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษไอ้เจ้าเฉินเฟิงมันเจ้าเล่ห์เกินไป เขาจะต้องใช้วิธีสกปรกอะไรสักอย่างถึงสามารถเอาชนะทั้งสองลงได้”
ราวกับในที่สุดก็ได้ยินคนที่รู้ใจ หลังจากที่พี่น้องตระกูลเน่พ่ายแพ้ก็เริ่มหาเหตุผลมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็แค่รู้สึกว่าวิชามารที่เฉินเฟิงใช้มันแข็งแกร่งเกินไป ก็เพราะพวกเขาวิชากังฟูที่ฝึกมาเป็นตามธรรมดา เลยพ่ายแพ้
แต่ต่อให้อธิบายแบบนี้ก็แค่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง แพ้ก็คือแพ้ พวกเขาก็ยังไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับคนอื่นอยู่ดี
ตอนนี้พอเจี่ยตงพูดแบบนี้ พวกเขาถึงได้รู้สึกว่าเจี่ยตงเข้าใจพวกเขา
“ทั้งสองท่าน ฉันได้เตรียมโต๊ะอาหารให้ทั้งสองท่านเรียบร้อยแล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ คงไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราพังทลายลงถูกไหม ฉันยังหวังว่าอนาคตพวกท่านจะยังสามารถช่วยฉันสั่งสอนไอ้เจ้าคนชั่วนั้น!”
คำพูดของเขาดูจริงใจมาก ราวกับเพื่อนแท้ที่กำลังปลอบโยนเพื่อนด้วยความจริงใจ
หลายวันมานี้พี่น้องตระกูลเน่คิดหนักมาโดยตลอด จนกระทั่งรู้สึกว่าไม่มีหน้ากลับไปยังสำนักเทียนซาน และพอถูกเจี่ยตงพูดแบบนี้ ก็ไม่กล้าพูดปฏิเสธ ทำได้แค่ตามเจี่ยตงไปร้านอาหาร
ด้วยอำนาจของเจี่ยตงในตะวันออกเฉียงเหนือ สถานที่ที่ใช้ต้อนรับพวกเขาแน่นอนว่าจะต้องไม่ธรรมดา
นั่นเป็นหนึ่งในสถานที่หรูหราที่สุดของตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่ทั้งห้องโถงมีเพียงแค่พวกเขาสามคน
“ที่นี่ฉันเหมาเอาไว้แล้ว วันนี้ไม่มีใครที่จะมารบกวนพวกคุณสองพี่น้อง พวกคุณจะทำอะไรก็ได้ ผู้หญิงพวกนั้นเพิ่งมาไม่กี่วันนี้เอง”
“ท่านเจี่ย พวกเราไม่ใช่คนแบบนั้น”
เน่เฉินเข้าใจความหมายของเจี่ยตง จึงพูดปฏิเสธ
“ได้ ฉันจะเรียกให้คนมาพาพวกเธอลงไป”
เจี่ยตงพูดด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็ไม่ได้ดื้อรั้ง นิสัยของทั้งสองเป็นแบบนี้ คงไม่สามารถฝืนใจได้ แบบนั้นมันจะเป็นผลเสีย แต่ท่าทางของเน่เจิ้งค่อนข้างดูคาดหวังเล็กน้อย
อาหารและเหล้าถูกยกมาอย่างไว มันดูหรูหราและสวยงามซะจงทำให้รู้สึกดูมีคุณค่าตั้งแต่แวบแรกที่เห็น นี่เป็นครั้งแรกที่พี่น้องตระกูลเน่เห็นแบบนี้ การสั่งสอนที่ได้รับมาตั้งแต่เด็กทำให้พวกเขาไม่สามารถรับของพวกนี้
“ท่านเจี่ย ของแบบนี้พวกเรารับเอาไว้ไม่ได้จริงๆ เดิมทีพวกเราก็ยังไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านเจี่ยไหว้วางเอาไว้ได้สำเร็จ และตอนนี้ยังให้ลิ้มรสของหรูหราแบบนี้ ไม่กล้ารับเอาไว้จริงๆ”
แต่เจี่ยตงก็รีบพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า
“ของพวกนี้สำหรับฉันมันก็ไม่ได้มากมายอะไร หรือว่าพวกท่านจะรู้สึกว่าฉันเจี่ยตงไม่มีปัญญาแม้แต่จะเลี้ยงข้าวรึไง?”
พี่น้องตระกูลเน่ยังคิดจะพูดอะไรอีก เจี่ยตงก็ชิงเปลี่ยนคำพูดจากความโกรธเป็นความยิ่งดี
“พวกท่านลิ้มรสให้เต็มที่ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องพึ่งพาพวกท่านทั้งสองอีก หวังว่าถึงตอนนั้นพวกท่านจะไม่รังเกียจฉันก็พอแล้ว”
ทั้งสองต่างก็จ้องมองซึ่งกันและกัน ในเมื่อเจี่ยตงพูดถึงขนาดนี้ พวกเขาจึงมีแต่ต้องรับเอาไว้
และเดิมที่สำหรับพวกเขาแล้วอาหารที่หรูหราพวกนี้ก็ทำให้พวกเขาสนใจเป็นอย่างมาก
เจี่ยตงมองดูพวกเขา แล้วรินไวน์ให้กับตัวเอง เขาขยับมันเบาๆ แล้วค่อยๆลิ้มรสของมัน
และตอนที่ข่าวร้ายไปถึงสำนักเทียนซาน ทั้งสำนักเทียนซานก็สั่นไหวขึ้นมา
ผู้หญิงที่ตกเก้าอี้แม้แต่การหายใจก็ยังผิดปรกติ เธอร้องไห้เรียกชื่อของเน่เจิ้ง
มันจะไม่เจ็บปวดได้ยังไง ตั้งท้องลูกมาสิบเดือนจู่ๆก็หายไปแบบนี้ เธอร้องไห้พร้อมร้องเรียกชื่อ หวังให้ฟ้าได้ยิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...