เฉินเฟิงเข้าใจความหมายของเขา
หลังจากที่โลกนี้ถูกกลืนกินด้วยเงินทอง เหล่านักต่อสู้ต่างก็ต่างลุ่มหลงในกลิ่นเหม็นเน่าของเงิน
พวกเขาทำการแลกเปลี่ยนกับเหล้าเจ้านายผู้ร่ำรวย เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของพวกเขา หรือใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงถึงความสำเร็จ พวกเขาใช้เงินเพื่อที่จะเสพสุขกับความสะดวกสบายในโลก หรือใช้ในการเพิ่มจำนวนสมาชิกของตน คนในโลกใบนี้ล้วนกลายเป็นสินค้าสำหรับค้าขายไปแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเส้นทางของเหล่านักต่อสู้ พวกเขาไม่ได้มีจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่แท้จริงอีกแล้ว
“ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว สวรรค์ย่อมมีตา ตอนนี้หมอนั่นตายไปเพราะความโลภแล้วงั้นสินะ?” เฉินเฟิงพูด
“คงจะเป็นอย่างนั้น แต่เขาเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ล้มไปเท่านั้น อีกไม่นานก็จะมีนักบวชคนใหม่มาปรากฏที่ทะเลทรายแห่งนี้อีกครั้ง และบางทีอาจจะมีความโหดร้ายและไร้ซึ่งความเป็นคนมากกว่าเขาอีก”
เมื่อเห็นท่าทีท้อแท้ของเขา เฉินเฟิงจึงเงียบลง ความลำบากของเขานั้นยากเกินที่จะเข้าใจ คำพูดเกลี้ยกล่อมทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์
เพียงไม่นานทั้งสามคนก็ออกมาจากทะเลทรายจนถึงชายแดนตัวเมือง
“ผมส่งพวกคุณมาได้ถึงที่นี่เท่านั้น” ชายชุดดำพูด
ด้านหลังของพวกเขาคือป้ายรถเมล์ จากตรงนี้ไปสามารถที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองได้โดยตรง ถ้าหากเร็วกว่านี้สักหน่อยพวกเขาจะสามารถไปขึ้นรถไฟที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อเดินทางกลับไปยังหุบเขาของชิงจือได้
เมื่อเห็นว่าชายชุดดำเตรียมที่จะไปแล้ว เฉินเฟิงจึงถามขึ้น
“คุณตัดสินใจที่จะทำอะไรต่อไป ตอนนี้เซวี่ยผิงก็ตายไปแล้ว ความแค้นของคุณก็ถูกชำระแล้ว ตอนนี้คุณไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ดินแดนรกร้างแบบนี้อีกแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่ว่าอะไร ผมสามารถหาที่สำหรับใช้ชีวิตในยันเจียงให้กับคุณได้”
แต่เขากับตอบปฏิเสธ “ผมคุ้นชินกับที่นี่แล้วล่ะ ถ้าหากออกไป ผมคงจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่”
เขายิ้ม “วันข้างหน้าผมคิดว่าจะพยายามเปลี่ยนแปลงทะเลทรายแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่ขาวสะอาด บางทีตอนนี้กำลังของผมยังมีไม่มากพอ แต่ว่าผมยังคงยินยอมที่จะทำเรื่องที่ตัวเองต้องการอย่างสุดกำลัง”
เฉินเฟิงรู้สึกชื่นชมเขาอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ยินยอมที่จะต่อสู้เพื่อความคิดของตัวเอง
“ก่อนที่จะกลับไป ฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากจะไปสักหน่อย” จู่ๆ ชิงจือก็หันมาพูดกับเฉินเฟิง
เฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหลังจากที่ออกมาจากสถานที่นั้น เธอก็นิ่งเงียบมาตลอดทาง เดินนำหน้าอยู่คนเดียวไม่สนใจเฉินเฟิงและชายชุดดำเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มพูดกับเฉินเฟิงก่อน
เฉินเฟิงเลยถามกลับด้วยความสงสัย “อยู่แถวนี้หรอ?”
“อืม!” ชิงจิพยักหน้า
“จะให้ผมไปด้วยหรือเปล่า?” เขาถามอีกครั้ง
แต่ชิงจือกลับใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองมายังเขา ก่อนจะพูดต่อ
“คุณเก่งกว่าฉันหรือไง?”
เดิมทีเขาแค่ต้องการแสดงน้ำใจเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเหมือนการดูหมิ่นชิงจือไปซะอย่างนั้น
ด้วยความนิ่งเงียบตลอดทางของชิงจือก่อนหน้านี้เกือบจะทำให้เขาเข้าใจว่าชิงจือเป็นคนถ่อมตนแล้ว
เขาจึงรีบกล่าวขอโทษทันที
“เปล่า ผมก็แค่……”
แต่ชิงจือกลับพูดขัดคำของเขา “ถึงแม้ว่าคุณจะไปด้วยหรือไม่มันก็ไม่ต่างกัน แต่คุณติดตามฉันเอาไว้น่าจะดีกว่า”
หลังจากที่เดินวนไปได้พักหนึ่ง สุดท้ายเฉินเฟิงก็ไปกับชิงจือ ถึงแม้การร่วมทางแบบนี้จะเหมือนกับการถูกบังคับก็ตาม
พวกเขาขับรถคันหนึ่งที่ไปเช่ามาจากร้านเช่ารถ เฉินเฟิงเหลียวมองไปยังชิงจือที่เอาแต่เก็บตัวเงียบ เขาอยากจะถามว่าพวกเขากำลังจะเดินทางไปที่ไหนกันแน่ แต่สุดท้ายกลับไม่กล้าที่จะถาม
ทุกครั้งที่เกิดคลื่นลมก็มักจะนำเอาพายุทรายขนาดใหญ่พัดมาด้วย กระทั่งพายุทรายสงบลง พวกเขาก็สามารถมองเห็นคนเดินจูงฝูงวัวค่อยๆ เดินผ่านไป และหลังจากที่ขับรถบนถนนสายนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เฉินเฟิงก็ไม่อาจเก็บความรู้สึกสงสัยของเขาได้อีกต่อไปจึงได้ถามขึ้นมา
“คุณควรจะบอกผมหน่อยสิว่าเรากำลังจะไปที่ไหน นี่คุณจะให้ผมขับรถตรงไปเรื่อยๆ แบบนี้อีกเดี๋ยวก็จะไปถึงอีกเมืองแล้วนะ”
ชิงจือหันมาจ้องเขาด้วยสายตานิ่งขรึม “รอให้ถึงที่แล้ว ฉันจะบอกคุณเอง”
เมื่อถูกมองด้วยสายตาแบบนี้ เฉินเฟิงจึงได้เพียงแต่ปิดปากเงียบ แล้วกลับไปเป็นคนขับรถอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านสิบกว่านาที ชิงจือก็เปิดปากพูดขึ้นมา “เข้าไปตรงนี้”
“แต่ว่าตรงนี้ดูเหมือนจะไม่มีถนนนี่หน่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...