ตอน บทที่ 835 เศษเงินสามแสนหยวน จาก ลูกเขยมังกร – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 835 เศษเงินสามแสนหยวน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ลูกเขยมังกร ที่เขียนโดย เมฆทอง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เฉินเฟิงไม่สนใจที่เขาพูดแล้วหันมาพูดหลอกล่อเขา
“ว่ายังไง ถ้าคุณยอม ผมจะเอาเงินนี้ให้คุณเลยนะ”
ท่าทางแน่วแน่ของเฉินเฟิงทำเอาชายผมแดงเริ่มไขว้เขว เขาจ้องมองเฉินเฟิงพลางอ้าปากค้าง แต่ยังคงไม่มีการตอบสนองกลับใดๆ
“นี่เป็นถึงเงินสามแสนของจริงเชียวนะ ถ้าหากคุณไม่เอาด้วย งั้นผมคงต้องช่างมันแล้ว”
“อย่าเพิ่ง!”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงเริ่มเปลี่ยนใจ ชายผมแดงคนนั้นก็ตะโกนห้ามอย่างอดไม่ได้
เฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นจึงถามเขาด้วยรอยยิ้ม “เป็นไรไป?”
“คุณจะเอาเงินสามแสนนี้ให้กับผมง่ายๆ แบบนี้เลยหรอ?”
“ไม่ใช่ให้คุณ แต่ให้พวกคุณทุกคน”
เฉินเฟิงมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังของเขา ทำให้ตอนนี้คนที่เริ่มสับสนไม่ได้มีเพียงแค่ชายผมแดงคนเดียวแล้ว สามแสน ถึงแม้พวกเขาจะมีกันสิบกว่าคน แต่พอแบ่งออกมาแล้วก็ได้คนละหลายหมื่น และนี่ก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย
“พี่ใหญ่……” มีคนเดินขึ้นมาข้างหน้า แต่ชายผมแดงกลับห้ามเขาทันที
“ทำอะไร แกอยากได้ขนาดนั้นเลยหรือไง ?ใครจะรู้ว่าเขากำลังเล่นตลกกับพวกเราหรือเปล่า?”
เขาพูดพลันเหลียวหันไปมองเฉินเฟิง แต่เฉินเฟิงกลับไม่ตอบกลับใดๆ
“แต่พี่ใหญ่ นั่นเงินสามแสนเชียวนะ พวกเรารีบเอาไปตรวจสอบ ถ้าเกิดว่าข้างในไม่มีเงินอยู่ พวกเรารีบกลับมาที่นี่ก็ยังไม่สาย ไม่เห็นต้องกลัวว่าเขาจะหนีเลย”
ชายผมแดงครุ่นคิดก่อนจะหันไปยิ้มกับเฉินเฟิง
“พี่ชาย เมื่อกี้เพราะผมมันตาบอดเอง ถึงได้มองไม่เห็นฐานะของพี่ชาย ก็อย่างที่พี่ชายท่านนี้พูดไม่มีปัญหาใดแก้ไขไม่ได้ด้วยเงิน มีเงินอยากทำอะไรก็ได้ คำนี้ไม่ผิดเลยสักนิด”
“ใช่ไหมล่ะ เรื่องที่เงินสามารถเอามาแก้ปัญหาได้ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นเพราะคุณเสนอราคาต่ำเกินไป เอาเป็นว่าคุณลองไปบอกกับเจ้านายของคุณว่าหากเขาสามารถเพิ่มเงินขึ้นเป็นสิบเท่าได้เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาคุยกันใหม่ดีกว่า”
ชายผมแดงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจัง ราวกับเขากำลังคิดว่าอาจมีความเป็นไปได้หากทำแบบนั้น จากนั้นจึงตอบกลับ
“พี่ชายพูดถูกแล้ว ถ้าหากเพิ่มราคาอีกสิบเท่า ถ้าให้ผมเอาตัวเองไปขายผมก็ยินยอม พี่ชาย หากเอาเงินให้พวกเราแล้ว พวกเรากลับไปคราวนี้จะไปบอกกับเจ้านายเลยทันที”
เฉินเฟิงถือบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาแล้วยังคงยิ้มดังเดิม
“ผมเชื่อว่าพวกคุณยังคงไม่ค่อยมั่นใจ แต่ว่าอีกเดี๋ยวพวกคุณจะเชื่อเอง ถ้าหากได้เงินไปแล้วไม่ทำอะไรแลกเปลี่ยน ผมก็จะบอกอะไรกับพวกคุณเอาไว้เลยว่าการมีเงินไม่ใช่ว่าจะทำอะไรง่ายดายขนาดนั้นหรอกนะ”
อยู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา ชายผมแดงถึงกับสะดุ้งเพราะเขาเข้าใจความหายของเฉินเฟิงเป็นอย่างดี ก็ในเมื่อเขาสามารถนำเงินสามแสนออกมาเพื่อให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ได้ แน่นอนว่าเขาก็สามารถใช้เงินจำนวนมากกว่านั้นเพื่อทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานได้เหมือนกัน
ดังนั้นเขาจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายอย่าพูดอย่างนั้นเลย พวกเราได้เงินไปแล้ว พวกเราควรทำอะไรแน่นอนว่าพวกเราจะตั้งใจทำมันอยู่แล้ว พี่ชายวางใจได้เลย อย่ามองว่าพวกเราเป็นแบบนี้ ที่จริงสามารถไว้ใจพวกเราได้”
ทางด้านชิงจือที่คอยมองดูอยู่ข้างอย่างเฉยเมยเธอไม่สนใจอยู่แล้วว่าเฉินเฟิงจะทำอะไร แต่สำหรับชายแก่แล้วการที่เฉินเฟิงเอาเงินจำนวนมากขนาดนี้ออกมา ไม่ว่ายังไงเขาก็รับไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะชิงจือกล่าวห้ามเขาเอาไว้ เขาก็คงจะเดินเข้าไปขัดขวางเฉินเฟิงตั้งนานแล้ว แต่พอตอนนี้เมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอาเงินไป ชายแก่ก็ไม่อาจที่จะห้ามตัวเองไว้ได้อีกแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมา
“คุณคิดจะทำอะไร ต่อให้คุณจะเป็นคนรวย ก็ไม่ควรจะมอบเงินให้กับคนแบบนี้”
ชายแก่ใช้น้ำเสียงเย็นชาพูดกับเฉินเฟิงด้วยความไม่พึงพอใจ แต่ยังไม่ทันที่เฉินเฟิงจะได้ตอบกลับ ชายผมแดงก็ตะโกนด่าออกมาซะก่อน
“ตาแก่ ฉันกำลังพูดกับพี่ชายท่านนี้อยู่ อย่าแส่เข้ามายุ่ง รีบไสหัวออกไปไกลๆ หน่อย”
เฉินเฟิงหันไปถลึงตาใส่เขา
“ถึงเวลาคุณพูดแล้วงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิง ท่าทีของชายผมแดงเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร เฉินเฟิงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื่อบื้อทำตามสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ เขาเลยเดินตามหลังชิงจือเข้าไปด้านใน
ภายในตัวบ้านขนาดไม่ใหญ่มาก แต่การรับรองแขกจำนวนสามสี่คนก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร
ชายแก่ที่เดินเข้าไปด้านในนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่มีแม้แต่การกล่าวทักทาย ฉะนั้นอย่าได้คิดถึงน้ำหรือชาต้อนรับเลย
ชิงจือที่เดินตามเข้ามาก็พูดขึ้น
“คุณคงจะเดาถึงสาเหตุที่ฉันมาหาแล้วสินะ”
เฉินเฟิงนั่งฟังอย่างเงียบๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องบางอย่างที่เขาไม่รู้มาก่อน
แต่แล้วชายแก่กลับพยักหน้าพร้อมกับพูด
“คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ เพราะถ้าหากไม่มีเธอและฉันที่รู้เรื่องพวกนี้ คาดว่าตอนนี้ก็คงจะไม่มีเธอและฉันที่ประสบผลสำเร็จอย่างในตอนนี้”
ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังตะลึง ชิงจือก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เรื่องพวกนี้ล้วนเกิดวนเป็นวัฏจักร แต่สิ่งที่พวกเราต้องทำมันกลับเหมือนกับสิ่งที่คนพวกนั้นทำ คุณซ่อนตัวอยู่ที่นี่มานานตั้งหลายปี ถึงขนาดพวกคนอันธพาลนั้นยังสามารถมารังแกได้แล้ว ตอนนั้นน่าจะดีกว่าถ้าคุณยอมแพ้ตั้งแต่แรก”
ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังครุ่นคิดเกี่ยวเรื่องที่พวกเขาสองคนพูดคุยกัน ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังแทรกเข้ามา
กระทั่งเฉินเฟิงเหลียวไปดูก็เห็นชายคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายคลึงกับชายแก่เดินเข้ามา แต่เขาดูยังเป็นชายหนุ่มอายุน้อยอยู่
ทางด้านหยางสิงอี้ถึงจะไม่คิดว่าจะมีแขกเข้ามาที่บ้าน เขากลับยังถามด้วยความกระฉับกระเฉง
“พ่อ มีแขกมาที่บ้านงั้นหรอ?”
ชายแก่ได้เพียงพยักหน้า โดยไม่พูดอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...