ถึงแม้เฉินเฟิงจะมองเห็นว่ามีความผิดปกติ แต่เมื่อคิดแล้วเขาก็ยังคงเดินตรงไปยังข้างๆ ลำโพงที่ส่งเสียงออกมา
แต่ทว่าบริเวณรถนั้นกลับไม่ได้มีคนเฝ้า ซึ่งกระแสไฟของลำโพงนั้นได้มาจากรถ เมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่เสียงดนตรีก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเดินเข้าไป
จากนั้นเขาก็เข้าไปดึงสายจ่ายไฟของลำโพงนั้นออกโดยตรง แต่เนื่องด้วยบริเวณนั้นยังมีลำโพงตัวอื่นอีกสองตัวจึงทำให้เสียงดนตรียังคงส่งเสียงดังเดิม
เฉินเฟิงยืนอยู่ตรงนั้นรออยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่มีใครเข้ามาหยุดการกระทำของเขาเลย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขาเกิดข้อสงสัยมากขึ้นว่าหากเขาปิดลำโพงจนหมดทุกตัวแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อคิดได้อย่างนี้เขาก็มุ่งหน้าไปยังรถอีกสองคัน
กระทั่งเขาดึงสายไฟของลำโพงในรถคันสุดท้ายเรียบร้อย เสียงดนตรีตรงกลางทุ่งก็หยุดลงทันที และเมื่อไม่มีเสียงดนตรีกลุ่มคนที่กำลังเต้นรำอยู่ตรงนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขายังคงไม่หยุดท่าทางการเคลื่อนไหวของมือลงเลย
พวกเขาเหมือนกับกลุ่มเด็กน้อยที่กำลังทำท่าทีแปลกประหลาดอะไรบางอยู่เสียอย่างนั้น
ดูท่าแล้วเสียงดนตรีจะไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ อีกทั้งในตอนที่ไม่มีเสียงดนตรีก็ไม่คนสงสัยเลยว่าใครเป็นคนที่ปิดเสียงด้วย
เฉินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะต่อสายลำโพงให้กับพวกเขาใหม่อีกครั้ง เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นก็เริ่มกลับมาโยกย้ายตามท่วงทำนองดนตรี ราวกับว่าทุกคนต่างก็ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมเสียอย่างนั้น เพราะพวกเขาสามารถเคลื่อนไหวตามท่วงทำนองได้อย่างแม่นยำ
และถ้าสาเหตุของเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากเสียงดนตรี อย่างนั้นมันเกิดมาจากอะไรกันแน่ แล้วใครที่เป็นคนจัดเตรียมดนตรีพวกนี้
เฉินเฟิงคิดไปพลางเดินกลับไปอยู่ข้างกายหลี่จื่อเยว่อีกครั้ง
เพราะเขาเริ่มทนไม่ได้ที่เห็นหลี่จื่อเยว่ไปเคลียคลอใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าพร้อมกับโยกย้ายสะโพกของตัวเองไปมาอย่างนั้น
เขาเดินเข้าไปดึงตัวหลี่จื่อเยว่ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง แล้วพาเธอเต้นไปตามจังหวะพร้อมกัน
แม้จะเกิดความหึงหวงที่แสนแปลกประหลาดนี้ขึ้น แต่เฉินเฟิงกลับไม่อยากจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และเพียงแค่ได้กลิ่นจางๆ จากตัวของหลี่จื่อเยว่ ในใจของเขาก็สงบลงไปอย่างน่าประหลาด
และก็เป็นแบบนี้จนผ่านไปเป็นเวลานาน เฉินเฟิงได้กลิ่นอะไรบางอย่าง แต่เขาในเวลานี้เหมือนจะหลงใหลอยู่กับความงดงามอันแสนนุ่มนวลข้างกายของเขาไปโดยสมบูรณ์แล้ว และไม่ได้คิดถึงการตามหาสาเหตุของเรื่องนี้อีก
กระทั่งแสงอาทิตย์กระทบลงบนหน้าของเขา วันใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
เฉินเฟิงลืมตาตื่น แต่กลับไม่ได้มีความตกใจเหมือนครั้งก่อน เขาเพียงแต่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง
ส่วนหลี่จื่อเยว่ที่อยู่ข้างๆ เขานั้นยังคงหลับสนิทอยู่ โดยรอบๆ นั้นยังคงเห็นหนุ่มสาวนอนหลับใหลกันอยู่เช่นเคย ในขณะที่กองไฟได้มอดไปตั้งนานจนกลายเป็นเพียงกองขี้เถ้าไปแล้ว
ทว่าอย่างน้อยก็ยังเป็นอีกคืนที่ผ่านไปโดยไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจึงทำให้เฉินเฟิงเกิดความโล่งใจอย่างมาก
แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกสักที เพราะแม้แต่สาเหตุที่ตัวเองหมดสติไปได้อย่างไรเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งอย่าคิดที่จะไปหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลย
หลังจากที่หลี่จื่อเยว่ลุกขึ้น ความทรงจำของเธอก็ยิ่งกลับมาชัดเจนอีกครั้งราวกับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กำลังโลดแล่นอยู่ตรงหน้าของตัวเอง และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าขอเธอปรากฏความอายและความงุนงงมากขึ้น
“เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้หรือเปล่า?” เฉินเฟิงถาม
หลี่จื่อเยว่พยักหน้า: “แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวหนูเลยค่ะ แบบนั้น ……มันน่า……ละอายจริงๆ ”
ตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำเป็นอย่างมาก
เฉินเฟิงสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าในตอนนั้นไม่มีทางเป็นความรู้สึกนึกคิดของเธอ แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้ รวมทั้งอาการชักกระตุกเหมือนลงแดงจากการขาดยาแบบนั้น จนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังคงไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไหร่
ไม่ใช่ว่าเฉินเฟิงไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ แต่ถ้าหากยอมแพ้ไปซะแบบนี้ หลี่จื่อเยว่อาจจะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอน ซึ่งนั่นทำให้เขาทนรับไม่ได้ พลางหันไปมองหลี่จื่อเยว่ที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ พลางพูดกับเธอ
“พวกเราคงต้องอยู่ที่นี่สักพักแล้วหล่ะ?”
“ทำไมหรอคะ?พวกเราจะไม่ไปพี่ชิงจือแล้วหรอคะ?” หลี่จื่อเยว่ถามโดยยังไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...