หลังจากที่เด็กหนุ่มคนนั้นได้ปรากฏตัวแล้ว ทางด้านของเชียนเสี่ยวหยุนและเซียงหลันก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที
“ไอ้หมอนั่นเป็นคนตระกูลเชียนของพวกแกใช่ป่าว ฉันจำได้ว่ารู้สึกเขาจะชื่อว่าเชียนหนิง น่าจะเป็นน้องชายแกล่ะสิ” เซียงหลันพูดพลางมองไปยังเชียนเสี่ยวหยุน
แต่ว่าเชียนเสี่ยวหยุนกลับรีบปฏิเสธว่า “แกอย่าพูดซี้ซั้วไป ถ้าคนที่บ้านรู้เรื่องนี้เข้าแล้ว ฉันก็คงไม่พ้นจากการโดนลงโทษอีกแน่นอน”
เมื่อเซียงหลันได้ยินคำพูดของเชียนเสี่ยวหยุนแล้ว ก็พูดอย่างโมโหว่า “ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลย ทำไมแกยังต้องไปนับญาติกับบ้านนั้นอีก ต่างก็เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน แกไม่รู้สึกมั่งเหรอว่ามันไม่ยุติธรรมเลย?”
เชียนเสี่ยวหยุนก็พูดอย่างหดหู่ว่า “แต่แล้วยังไงล่ะ อย่างน้อยฉันก็ยังเป็นสมาชิกของคนบ้านนี้อยู่ดีแหละ”
ส่วนเซียงหลันก็ล้มเลิกที่จะไปพูดเตือนเธออีกต่อไป เธอได้พูดมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของเชียนเสี่ยวหยุนได้เลย
“เอาเถอะ แล้วแต่แกก็ละกัน” จากนั้นก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป จึงมองไปยังเชียนหนิง
“แต่ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ล่ะ หรือว่ารู้ว่าแกอยู่ที่นี่?”
เชียนเสี่ยวหยุนนึกดูแล้ว ก็พูดอย่างไม่แน่ใจนักว่า “เขาเคยพูดกับฉันว่าเขาสามารถได้กลิ่นตัวของฉัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลขนาดไหนเขาก็สามารถรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน? แต่ว่า......ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่า?”
ถึงอย่างไรเซียงหลันก็ไม่อยากเชื่อคำพูดที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คำพูดนี้แกก็ยังเชื่อเหรอ อาจไม่แน่เขาอาจจะวางเครื่องติดตามตัวไว้ที่ตัวแกก็ได้ คนของตระกูลเชียนนี่ล้วนไม่ใช่คนดีทั้งนั้น ไม่ยกเว้นแม้แต่น้องชายแกคนนี้ด้วย”
ถึงแม้เซียงหลันจะพูดเช่นนั้นก็ตาม ก็เพียงแต่กล้าพูดต่อหน้าเชียนเสี่ยวหยุนเท่านั้นเอง หากอยู่ต่อหน้าคนตระกูลเชียนแล้ว คาดว่าก็คงพูดอะไรไม่ออกเลย
เชียนเสี่ยวหยุนก็รู้จักนิสัยเช่นนี้ของเซียงหลันดี เธอได้แต่ยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร
“เขาคิดจะสู้กับเจ้าแสบสองคนนั้นเหรอ?” เซียงหลันถามขึ้นอีก
“ไม่น่าจะใช่นะ เชียนหนิงถึงแม้มีพรสวรรค์สูงส่งก็จริง แต่ตอนนี้ยังเทียบระดับชั้นไม่เท่ากับสองคนนั้น หากสู้กันตัวต่อตัวแล้วเขาก็ยังไม่แน่ว่าจะชนะได้หรือไม่ ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าคนเดียวจะสู้สองคนเลย” เชียนเสี่ยวหยุนพูดวิเคราะห์
แต่ว่าเซียงหลันกลับพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เขาสามารถจะร่วมมือกับเฝิงเฉิงได้นะ ทั้งสองคนรวมหัวกันสู้กับตู๋กูหยุนคนเดียวอย่างนี้ ก็น่าจะมีโอกาสชนะได้นะ”
แต่ว่าเชียนเสี่ยวหยุนก็รีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “นิสัยของเชียนหนิงนั้นค่อนข้างโดดเดี่ยวทระนง ไม่มีทางที่จะไปร่วมมือกับคนอื่นไปสู้กับอีกคนได้หรอก”
เซียงหลันแอบด่าด้วยเสียงเบาๆว่า “วรยุทธ์ยังไม่ทันได้ฝึกถึงขั้นสุดยอดเลย นิสัยกลับเย่อหยิ่งเสียเหลือเกิน ทีหลังอาจไม่แน่ต้องเสียเปรียบคนอื่นเข้าสักวันก็ได้”
ส่วนเชียนหนิงนั้นก็คงไม่ได้ยินสิ่งที่เซียงหลันพูดอย่างแน่นอน ก็เป็นอย่างที่เชียนเสี่ยวหยุนพูดไว้ว่าเขาไม่มีทางที่จะไปร่วมมือกับคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้น ดังนั้นหากจะต้องต่อสู้กันขึ้นมาละก็ งั้นก็จะต้องสู้กันแบบตัวต่อตัว หรือไม่ก็หนึ่งต่อสอง
เชียนหนิงก็เริ่มบุกเข้าไปต่อสู้กับตู๋กูหยุนก่อน แต่ขณะก่อนลงมือนั้น ก็ดูออกแล้วว่า ระดับชั้นของเขานั้นยังด้อยกว่าตู๋กูหยุนไปบ้าง หากคิดจะเอาชนะเขา อาจจะเป็นเรื่องที่ลำบากมากทีเดียว
แต่ก็เช่นเดียวกับตู๋กูหยุน เขาก็ไม่กล้าที่จะใช้พลังเต็มที่เพื่อต่อสู้กับเชียนหนิง เพราะคอยระแวงเฉินเฟิงที่ยืนดูอยู่ด้านข้างนั้น ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ขยับเขยื้อน เพียงแต่ยืนมองอย่างสงบนิ่ง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเฉินเฟิงจะฉวยโอกาสขณะที่เขาเผยช่องโหว่ออกมาให้เห็น แล้วลอบจู่โจมทำร้ายทันทีหรือไม่
ดังนั้นจึงต้องคอยแบ่งพละกำลังส่วนหนึ่งไว้เพื่อป้องกันการลอบทำร้ายจากเฉินเฟิง
หลังจากต่อสู้กันไปสักพักหนึ่ง ฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็สูสีกันอย่างมาก แต่ว่า ตู๋กูหยุนรู้ว่าหากยังสู้กันเช่นนี้ต่อไปอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกได้ว่า เฉินเฟิงแกกำลังคันไม้คันมือรออยู่
เมื่อเห็นว่าจังหวะเหมาะแล้วก็เตรียมตัวที่จะเผ่นหนี ส่วนเฉินเฟิงก็กำลังรอคอยเวลานี้มาถึงเช่นกัน
เมื่อแรกเริ่มเดิมทีก็ยังไม่ได้ร่วมมือกับเชียนหนิง เป็นเพราะว่าเขาไม่คุ้นเคยกับเชียนหนิง กลับจะทำให้เป็นอุปสรรคในใช้กระบวนท่าในการต่อสู้ อีกอย่างคือจะต้องรอช่วงจังหวะที่ตู๋กูหยุนกำลังถอยหนี แล้วจึงซัดเข้าไปหาเขาอย่างเต็มเหนี่ยวไปเลย
ดังนั้นขณะที่ตู๋กูหยุนกำลังจะขยับตัวเพื่อจะหลบหนีไปนั้น เฉินเฟิงก็เริ่มลงมือเลย
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ตู๋กูหยุนภายใต้จุดบอดที่เกิดจากเชียนหนิงนั้น เฉินเฟิงจึงชกหมัดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ส่วนตู๋กูหยุนเดิมทีมุ่งแต่จะหลบหนีไป ยังไม่ทันระวังตัว ประกอบกับเขตจุดบอดที่เกิดจากเชียนหนิง ดังนั้นหมัดนั้นจึงชกลงไปตรงหน้าอกของตู๋กูหยุนได้อย่างง่ายดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...