ลูกเขยมังกร นิยาย บท 866

แต่เขาสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกที่หดหู่ของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย ก็เหมือนกับดอกไม้ที่ร่วงโรยดอกหนึ่ง สีสันที่เคยสดใสได้จางหายไปจนหมดสิ้น

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดปลอบโยนอย่างไรดี ได้แต่นั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆที่นี่

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดจาอะไร เชียนเสี่ยวหยุนดูเหมือนจะรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองรุนแรงมากเกินไปหน่อย เธอก้มหน้าลงแล้วพูดอย่างสำนึกผิดว่า “ขอโทษค่ะ”

เฉินเฟิงคิดอยากจะยื่นมือออกไปปลอบโยนหญิงสาวคนนี้ แต่ยังไม่ทันยกมือขึ้นก็ต้องวางลงเสียก่อน นี่เขาเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น หากแสดงความห่วงใยมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดขึ้นได้

เขาพูดว่า “ฉันไม่ถือสาหรอกครับ คำพูดของฉันอาจจะมีปัญหาบ้าง จึงทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ได้”

เชียนเสี่ยวหยุนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่หรอกค่ะ ฉันเพียงแต่......นึกถึงเรื่องที่ไม่ดีบางอย่างขึ้นมา มันเป็นปัญหาของตัวฉันเอง”

เธอพูดพลางก็ลุกขึ้นยืน ไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นหน้าตาตัวเองในขณะที่กำลังย่ำแย่ หนำซ้ำก็ยังเป็นคนแปลกหน้าอีกด้วย

หลังจากที่เธอจากไปแล้ว ภายในสวนที่เงียบสงบแห่งนี้ก็เหลือแต่เพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

เฉินเฟิงกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่ก็มีคนกำลังเดินเข้ามาอีก

เชียนหนิงไม่ได้พกกระบี่ติดตัวมาด้วย แต่งกายชุดลำลอง เดินมาถึงตรงหน้าเฉินเฟิง แล้วพูดว่า “ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”

เฉินเฟิงจึงได้แต่นั่งลงอีกครั้งหนึ่ง เขาพูดว่า “ดูเหมือนพวกเรายังไม่คุ้นเคยกันเลยนะ”

แต่ว่าเชียนหนิงกลับไม่ใส่ใจ เขาเพียงแต่อยากหาคนคุยด้วยเท่านั้น จะเป็นใครก็ได้

“ช่วงนี้ฉันรู้สึกเจ็บปวดทรมานใจมาก” เฉินเฟิงเห็นเขาเหมือนไม่ค่อยสนใจตัวเอง เดิมทีคิดจะเดินออกไปจากที่นี่ แต่พอได้ยินเสียงของเชียนหนิงพูดขึ้น เขาจึงนั่งลงอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ฉันได้รู้เรื่องราวบางอย่าง แต่ว่าฉันกลับหาทางแก้ไขไม่ได้ แม้แต่อยากจะไปพูดให้ใครฟังก็ยังไม่ได้เลย”

เดิมทีเฉินเฟิงอยากจะถามว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ แต่ก็ไม่ได้ถามออกมาตรงๆ เพียงแต่พูดว่า “แกใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตระกูลเชียน หรือว่ายังมีเรื่องที่คนตระกูลเชียนไม่สามารถทำได้อีกเหรอ?”

เชียนหนิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ก็อาจจะเป็นเพราะว่าตระกูลเชียนนั่นแหละ ดังนั้นฉันจึงหาทางออกไม่ได้ ฉันฝึกวรยุทธ์มาสิบสี่ปี เริ่มตั้งแต่อายุสี่ขวบก็ต้องแช่ตัวลงไปในน้ำยาสมุนไพร ฝึกชกเตะต่อยทุกวันล้วนแต่เจ็บปวดทรมานทั้งนั้น” ;

ชีวิตแบบนี้ต้องยืนหยัดอดทนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ฉันจึงจะมีต้นทุนการฝึกวรยุทธ์ที่ดีได้ จนค่อยๆสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์ประจำตระกูลได้”

“ในเมื่อฝึกวรยุทธ์แล้ว มันก็ต้องทรหดอดทนทั้งนั้น ตอนนี้แกก็อยู่ในระดับชั้นที่สูงขนาดนี้ นอกจากพรสวรรค์ในตัวแล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยขยันหมั่นเพียรเช่นนี้ด้วย”

แต่ว่าเชียนหนิงกลับยิ้มฝืดๆแล้วพูดว่า “ระดับชั้น! แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ มันก็ยังทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”

ดอกกุ้ยฮวาที่หล่นลงมาบนไหล่ ปลายผมแล้วก็ใบหน้าของเขา เขากลับไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย ภายในดวงตานั้นดูเหมือนมีแต่ความสิ้นหวัง สีหน้าที่ทนทุกข์ทรมาน ทำให้เขาต้องก้มหน้าลง ราวกับว่ากำลังตกอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดอันแสนสาหัส

ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี เฉินเฟิงก็เหมือนคนล่องหนคนหนึ่ง

เชียนหนิงกลับไม่ใส่ใจ ได้แต่พูดอีกว่า “เธอคิดว่าฉันไม่รู้เรื่อง แล้วทำไมฉันจะไม่รู้เรื่องล่ะ เพียงแค่สายตาที่เธอมองฉัน คำพูดที่เธอพูดกับฉัน เพียงแค่เผยออกมาให้เห็นนิดเดียว ฉันก็รู้สึกแปลกใจทั้งนั้น

เมื่อฉันรู้สึกแปลกใจแล้ว ฉันก็ต้องไปสืบหา ต้องไปสอบถามให้แน่ชัด แต่หลังจากที่ฉันรู้เรื่องแล้ว ฉันก็เหมือนคนเสียสติไปเลย คิดแต่จะไปหาเธอกลับมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าฉันก็ต้องรีบสงบสติอารมณ์ลงทันที เพราะที่นี่คือบ้านตระกูลเชียน”

เมื่อพูดถึงตระกูลเชียน เขารู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงไปทั้งตัว ราวกับว่าถูกภูเขาลูกใหญ่ทับลงมาจนเขาหายใจแทบไม่ออก

“ฉันเกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถ ความอ่อนแอของตัวเอง ฉันฝึกกระบี่มาชั่วชีวิต กลับไม่สามารถใช้กระบี่ปกป้องคนสำคัญของฉัน งั้นฉันฝึกกระบี่นี้ไปจะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ”

เขาเงยหน้าขึ้นหลังพิงพนัก สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เฉินเฟิงเดิมทีไม่อยากจะพูดอะไรอีก แต่เมื่อเห็นความเจ็บปวดของเขาแล้ว จึงได้พูดขึ้นว่า “แกยังเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือเปล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร