เชียนสวนยี่สายตาเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา ราวกับว่ารอคอยงานแต่งงานครั้งนี้มานานแล้ว เขาชี้ไปยังผู้คนที่กำลังทำงานวุ่นวายอยู่ แล้วพูดว่า “ถึงแม้ตระกูลเชียนเราแต่งลูกสาว แต่ว่า การจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยมากนัก เพียงแค่แก้วแหวนเงินทองที่ใช้เป็นเครื่องประดับ ก็เป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเชียนเราที่ได้สะสมมาแล้ว
สำหรับเรื่องอื่นๆ เช่นว่าอาหารงานเลี้ยง ผ้าไหมผ้าแพร ดวงไฟประดับ ทั้งหมดทุกอย่างนี้ก็ล้วนแต่ใช้ของราคาแพงที่มาตรฐานสูงทั้งนั้น แม้แต่ผมเองดูแล้วก็ยังรู้สึกเสียดาย นี่มันเป็นเงินก้อนใหญ่โตมากทีเดียวเลยล่ะ”
เฉินเฟิงฟังแล้วยิ่งรู้สึกอยากรู้ เมื่อครู่มองด้วยสายตาผ่านๆไป ไม่ทันได้สังเกต หลังจากที่ได้ฟังการแนะนำของเชียนสวนยี่แล้ว จึงมองไปยังพวกเครื่องประดับตกแต่งภายในงาน ไม่ว่าทั้งดอกไม้ แจกันดอกไม้มูลค่าไม่ใช่น้อยทั้งนั้นเลย
สามารถที่จะทำให้ตระกูลเชียนเห็นความสำคัญเช่นนี้ได้ ฝ่ายชายก็จะต้องเป็นตระกูลใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน อีกทั้งยังต้องคู่ควรกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเชียนด้วย ในสมองของเฉินเฟิงก็ปรากฏตัวเลือกขึ้นมาหลายตระกูลแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
“งั้นคิดว่าทางฝ่ายชายก็คงมีฐานะสูงส่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่า.......?” เฉินเฟิงถาม
“ก็เป็นลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์จริง พูดขึ้นมาแล้วตระกูลเขากับตระกูลเชียนเราก็มีความสัมพันธ์ติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว การแต่งงานครั้งนี้นับได้ว่าเป็นการกระชับความผูกพันให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ถ้าหากคุณท่านเคยไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ก็อาจจะเคยติดต่อกับพวกเขาบ้างก็ได้นะ” เชียนสวนยี่พูด
“หรือว่าจะเป็นตระกูลอู๋แห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้” เฉินเฟิงอุทานขึ้นด้วยความตกตะลึงว่า “งั้นก็วิเศษสุดๆไปเลย! ตระกูลอู๋อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเชียนที่อยู่ฝั่งทะเลทรายนี้เลย เท่าที่ผมรู้มา ไม่กี่ปีนี้เองกิจการตระกูลอู๋ก็เจริญรุ่งเรืองดี อีกทั้งยังมีแนวโน้มคิดที่จะขยายกิจการไปยังทางเมืองหลวงด้วย”
เชียนสวนยี่ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่พวกเราก็ไม่ได้ใส่ใจมากหรอก เพียงแต่ว่าลูกชายคนเล็กของหัวหน้าครอบครัวตระกูลอู๋ก็ถึงวัยที่ควรแต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว นายท่านของบ้านนี้กับหัวหน้าครอบครัวบ้านตระกูลอู๋ได้พูดคุยเจรจากันแล้ว จึงตกลงให้สองฝ่ายแต่งงานกัน ทั้งสองตระกูลต่างก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก็มีความรู้สึกว่าในเมื่อทั้งสองตระกูลนี้จัดงานแต่งงานทั้งที งานเลี้ยงนี้จึงไม่ควรจัดแบบเรียบง่ายแล้ว ดังนั้นจึงต้องจัดงานเลี้ยงที่หรูหราอลังการใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเห็นแล้วจะเจ็บใจบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่นี้ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะทำให้คนใต้หล้านี้หัวเราะเยาะว่าพวกเราทั้งสองตระกูลใหญ่นี้ตระหนี่มากเกินไป ก็จะทำให้ผู้คนดูถูกดูแคลนได้”
เฉินเฟิงรู้สึกถอดถอนใจ ยังไงก็ยังคงเป็นบ้านตระกูลใหญ่
จึงหันไปกล่าวคำอวยพรที่เป็นมงคลกับเชียนสวนยี่ และเขาก็ยังมีเรื่องราวอื่นที่จะต้องไปดูแลอีกมากมาย จึงไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเฉินเฟิง
เฉินเฟิงจึงเดินสำรวจไปรอบๆบริเวณ ขณะที่เดินผ่านห้องรับแขกนั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นเชียนหนิงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เช้าตรู่เช่นนี้ ขวดเหล้าขวดหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเขา อีกทั้งก็ยังดื่มไปแล้วครึ่งขวดแล้วด้วย
เฉินเฟิงคิดดูแล้ว ก็เดินเข้าไปหา เพิ่งจะนั่งลงก็ได้กลิ่นเหล้าที่ฉุนรุนแรง แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเเชียนหนิง ดูท่าทางแล้วเขาคงไม่ใช่ดื่มไปเพียงเค่นี้
“หรือว่ายังคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดีเหรอ?” เฉินเฟิงก็เดินตรงเข้าไปใกล้เชียนหนิง
เชียนหนิงหันหน้าที่เมาสะลึมสะลือมามอง ดวงตาทั้งสองมีแต่ความว่างเปล่า นิ่งเฉยไม่มีแววความมีชีวิตชีวาเลย เขาเพ่งมองไปสองครั้งจึงจำเฉินเฟิงได้ แต่กลับไม่อยากไปสนใจ หันหน้ากลับไปรินเหล้าและดื่มให้กับตัวเองต่อไป
เฉินเฟิงส่งยิ้มให้ ในเมื่อเชียนหนิงไม่ยอมสนใจ เขาก็เตรียมตัวที่จะเดินไปชมดูที่อื่นต่อไป การจัดงานใหญ่โตเช่นนี้เขาก็ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้งนัก
“แกรู้ไหมว่าเจ้าสาววันนี้เป็นใคร?”
เฉินเฟิงฉงนไปสักครู่ “ไม่ใช่เป็นลูกสาวคนเล็กของหัวหน้าครอบครัวเหรอ? แล้วยังไงล่ะ? เกี่ยวข้องอะไรกับแกเหรอ?”
เชียนหนิงส่ายหน้า พูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่มี ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับเธอได้ยังไงกันล่ะ?”
เขาฟุบศีรษะลงบนโต๊ะ พยายามที่จะส่ายหัว ดูเหมือนว่าความมึนเมาทำให้เขาแม้จะทำท่าทางเช่นนี้ก็ยังลำบาก
เฉินเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “แต่ว่าฉันดูแล้วนะว่าเหล้านี้ แกก็คงดื่มเพราะว่าเธอแหละ เธอคงไม่ใช่คนสำคัญที่สุดคนนั้นของแกสินะ”
เพิ่งจะพูดจบ ร่างของเชียนหนิงก็เซเข้าไปใกล้ตรงหน้าเฉินเฟิง กลิ่นเหล้าที่รุนแรงทำให้เฉินเฟิงต้องขมวดคิ้ว เขามองดูเชียนหนิงอย่างน่ารังเกียจ แต่ก็แค่ใช้มือปิดจมูกตัวเองไว้ ไม่ได้ผลักไสเชียนหนิงออกไป
“แกก็รู้อีกแล้วนะ!” เขากำลังยิ้มเจื่อนๆ
เฉินเฟิงก็แค่เดาส่งเดช แต่ก็เดาถูกแล้ว เขาถามอย่างประหลาดใจว่า “ฉันได้ยินว่าคนที่เธอแต่งงานด้วยเป็นถึงคุณชายตระกูลอู๋แห่งภาคตะวันตกเฉียงใต้เชียวนะ เป็นที่ไฝฝันของผู้คนจำนวนมากเลยทีเดียวล่ะ คนสำคัญของแกคนนั้น ก็นับว่ามีบุญวาสนาดีจริงเลย”
เชียนหนิงส่ายหน้า เขายังสามารถฟังคำพูดของเฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน ก็ไม่รู้ว่าเขาเมาจริงหรือไม่
“ตระกูลอู๋ ตระกูลอู๋เฮงซวย” เขาร้องตะโกนออกมากะทันหัน
ทันใดนั้นก็มีสายตามองมายังพวกเขา แม้แต่เฉินเฟิงก็รู้สึกเคอะเขินไปด้วย แต่ยังดีที่ทุกคนต่างก็รู้จักเชียนหนิง จึงไม่มีใครเดินเข้ามา “ฉันน่าจะอยู่ห่างแกหน่อยจะดีกว่านะ ไม่งั้นถูกไล่ออกจากตระกูลเชียน ฉันก็จะไม่แปลกใจเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...