ลูกเขยมังกร นิยาย บท 872

ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ชื่อจือแทบจะพ่นไฟออกมาได้ เพียงแต่ท่าทางที่ย่ำแย่ตอนนี้ ก็ไม่รู้จะสรรหาคำด่าอะไรมาพูดอีกแล้ว

สถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างฉงนมึนงง ก็จบลงด้วยความฉงนมึนงงเช่นนี้แล้ว

รอให้ทุกคนทยอยแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เฉินเฟิงก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อไปอีกแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เขาก็อาศัยจังหวะไม่มีใครสังเกตเขา ค่อยๆย่องออกไปยังหน้าประตูทางเข้าแล้วเดินจากไป

ถ้ารอให้ตระกูลเชียนพบว่าเจ้าสาวหายไปแล้ว ก็ย่อมต้องนึกเชื่อมโยงมาถึงตัวเขาเป็นธรรมดา หากเป็นเช่นนั้นละก็เฉินเฟิงก็ยากที่จะอธิบายถึงพฤติกรรมที่ไร้สาระเช่นนี้เหมือนกัน

เมื่อออกไปพ้นหน้าประตูทางเข้าแล้ว แขกผู้มีเกียรติในงานเลี้ยงต่างก็ทยอยกันขับรถกลับไป เฉินเฟิงยืนอยู่ตรงถนน แล้วโบกรถคันหนึ่งเอาไว้

คนนั้นก็ใจดีมาก ให้เฉินเฟิงขึ้นรถไปด้วย

ผู้ชายคนนั้นพาเพื่อนสาวมาด้วย อายุดูราวสี่สิบกว่าปี แต่หญิงสาวคนนั้นอายุน่าจะยี่สิบปีต้นๆเท่านั้น ทั้งสองคนดูเหมือนเป็นพ่อลูกกัน แต่ว่าหน้าตานั้นไม่มีส่วนไหนที่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว ผู้หญิงเป็นคนขับรถ ส่วนผู้ชายนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ

เฉินเฟิงอยู่นอกรถก็ได้สังเกตดูทั้งสองคนแล้ว ผู้ชายน่าจะเป็นพ่อค้าที่รูปร่างอ้วนถ้วนพุงพลุ้ย ราคารถก็ไม่แพงนัก แต่ในสายตาของคนธรรมดาก็คงซื้อไม่ไหวเช่นกัน

หลังจากที่เฉินเฟิงโบกรถไว้แล้ว พวกเขาก็มีน้ำใจดี ยิ้มพลางให้เฉินเฟิงขึ้นรถไปด้วย แต่ว่าท่าทางรอยยิ้มแบบมืออาชีพของผู้ชายนั้น น่าจะคุ้นชินเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นคนที่ร้ายกาจอะไรมากนัก

ส่วนหญิงสาวคนนั้นแค่มองผ่านเว็บเดียว ก็แลดูสวยดี แต่ก็ไม่ถึงกับสวยสะดุดตาแบบนั้น

หลังจากที่เฉินเฟิงขึ้นรถแล้ว ก็พูดขอบคุณว่า “ขอบคุณพี่ชายมากเลย ไม่งั้นแล้วฉันก็คงกลับไปไม่สะดวก”

ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องแค่นิดเดียวเอง เพียงแต่ว่านึกไม่ถึงจะมาพบกับคุณชายเฉินที่นี่ได้”

เฉินเฟิงถามอย่างประหลาดใจว่า “ยังไงเหรอ? คุณรู้จักฉันด้วยเหรอ?”

เขานึกไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะรู้จักตัวเองด้วย แต่ว่าเขากลับไม่เคยรู้จักฝ่ายนั้นเลย

ชายวัยกลางคนพูดว่า “คุณชายเฉินผู้มากบารมีมักจะลืมง่าย ปีที่แล้วพวกเรายังเคยพบหน้ากันครั้งหนึ่ง ก็ที่ยันเจียงไง ในตอนนั้นผมยังได้พูดคุยกับคุณชายเฉินด้วยเลย”

เฉินเฟิงก็ยังคงคิดไม่ออก ได้แต่ยิ้มตามมารยาทแล้วพูดว่า “อ๋อเหรอ ฉันก็ว่าคุณทำไมดูคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างงั้น”

ฝ่ายนั้นก็คงดูออกว่าเฉินเฟิงกำลังเสแสร้งแกล้งทำ แต่ก็ไม่ได้พูดฉีกหน้าอะไร เขายังคงยิ้มเหมือนเดิมแล้วพูดว่า “วันนี้ก่อนออกมา ฉันยังนึกอยู่เลยว่าถ้ามาที่นี่จะได้พบเจอคุณชายเฉินหรือเปล่า นึกไม่ถึงเลยฉันจะได้มาพบจริงๆด้วย อย่างน้อยสถานที่แห่งนี้ตระกูลเชียนจะต้องเชื้อเชิญคุณชายเฉินอย่างแน่นอน”

เฉินเฟิงพูดว่า “เพียงแต่พอดีมาอยู่แถวนี้ ดังนั้นจึงได้เข้ามาด้วย”

อีกฝ่ายพูดว่า “คุณชายเฉินเป็นคนที่ทำงานใหญ่โต ทุกๆนาทีก็มีเงินทองหมุนเวียนระดับเกินล้านทั้งนั้น ไม่เหมือนพวกเราที่มีเวลาว่างแบบนี้ เพียงแต่ว่าตระกูลเชียนนี้เป็นตระกูลใหญ่ในเขตทะเลทรายแห่งนี้ พวกเราก็คิดอยากจะมาขยายกิจการในแถบทะเลทรายแห่งนี้บ้าง จึงต้องให้เกียรติมาร่วมงานเลี้ยงของพวกเขาด้วย”

เฉินเฟิงก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาพูดเรื่องพวกนี้เพื่ออะไร แต่ว่าเห็นเขาก็มีน้ำใจที่ดี หญิงสาวที่ขับรถนั้นก็คอยมองเฉินเฟิงผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ เฉินเฟิงจึงต้องทำเป็นมองไม่เห็น ได้แต่คอยฝืนรับหน้าชายวัยกลางคนนั้น

ชายวัยกลางคนก็พูดอีกครั้งหนึ่งว่า “มีโอกาสที่ได้มาใกล้ชิดกับคุณชายเฉินอย่างนี้ มันเป็นบุญวาสนาของฉันจริงๆเลย ฉันได้ยึดถือคุณชายเฉินเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด สิ่งที่ท่านทำทุกอย่างนั้น ฉันก็พอรู้บ้างไม่น้อยเลย เรื่องที่ท่านได้ทำไว้ที่ชางโจวนั้น มันช่างองอาจแข็งกล้าจริงๆเลย”

เฉินเฟิงพูดแซวเล่นว่า “นี่ฉันก็มีคนยกย่องนับถือด้วย ฉันยังไม่รู้ตัวจริงๆเลยนะ”

ผู้ชายพูดอย่างจริงจังว่า “คุณชายเฉิน คุณเป็นคนเก่งกาจขนาดนั้น ก็ย่อมมีคนยกย่องชื่นชมคุณอยู่แล้ว คุณไม่รู้หรอกว่า ตอนที่ฉันอยู่ยันเจียงตอนนั้นก็ได้ยินคนมักพูดถึงท่านเสมอ ยังมีคนเอาคุณไปเปรียบเทียบกับนักธุรกิจที่มีพรสวรรค์อย่างหูเสว่เหยียน พูดว่าท่านก็คือหูเสว่เหยียนในศตวรรษที่21 ความสามารถในการทำกำไรไม่มีใครเทียบเท่าเลย เพียงแค่ขยับมือก็มีเงินจำนวนมากไหลเข้ามาในบัญชีแล้ว”

เขาเหมือนยิ่งโม้ก็ยิ่งเลอะเทอะ แม้แต่เฉินเฟิงก็ยังรู้สึกว่าเขาชักเพี้ยนๆแล้ว อีกทั้งพูดจาไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัด ได้แต่พูดไม่หยุดหย่อน พูดไม่หยุดเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร