ลูกเขยมังกร นิยาย บท 891

“ของชิ้นนี้เดิมทีเป็นมรดกตกทอดมาหลายยุคหลายสมัยของตระกูลฉันแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าที่บ้านเกิดภัยพิบัติขึ้นมากะทันหันละก็ พวกเราคงไม่มารบกวนอาจารย์ของพวกคุณหรอก.......”

ในขณะที่ชายชราคนนั้นกำลังจะเริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น ทันใดนั้นก็มีคนมาตบไหล่ของเฉินเฟิง

เป็นเพราะว่าเขากำลังใจจดใจจ่ออยู่ที่ห้องข้างๆ ถึงกับละเลยสิ่งรอบข้างตัวไป แต่พอรู้สึกตัวสะดุ้งขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าของเฟิ่งซีที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย

เธอพูดด้วยเสียงที่ต่ำว่า “คุณกำลังแอบฟัง ฉันจะไปบอกพี่สาว”

แล้วทำท่าว่าจะเข้าไปในห้องโถง เฉินเฟิงก็รีบดึงมือเธอไว้ จึงหยุดยั้งเธอไว้ได้ แล้วถามอย่างแตกตื่นว่า “คุณจะทำอะไรเนี่ย?”

เฟิ่งซีหัวเราะที่กลลวงสำเร็จจึงพูดว่า “คุณแอบฟังพี่สาวคุยกัน ฉันก็ต้องไปบอกพี่สาวเป็นธรรมดาสิ”

เฉินเฟิงเกรงว่าเธอจะไปจริง จึงรีบอธิบายว่า “คนแก่และเด็กหนุ่มสองคนนั้น ฉันรู้สึกว่าไม่ใช่เป็นคนดีเท่าไหร่เลย ฉันกำลังเป็นห่วงว่าหลงหลินจะเสียเปรียบหรือเปล่า?”

เพราะว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องสองสาวลึกซึ้งมาก เฟิ่งซีฟังแล้วหน้าก็เปลี่ยนสีทันที จึงรีบเข้าใกล้แล้วถามว่า “คุณเห็นอะไรเหรอ หรือว่าพวกเขาเจตนาแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกว่าได้ฝากของไว้กับอาจารย์ จากนั้นก็จงใจจะมาใกล้ชิดพวกเรา”

เฉินเฟิงยิ้มฝืดๆแล้วพูดว่า “คุณคิดมโนเก่งจังเลยนะ ฉันก็เพียงแต่รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆเท่านั้นเอง ก็ต้องคอยสังเกตดูก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ไง คุณกลับรีบสรุปเลยว่าพวกเขาเป็นคนร้ายไปแล้ว”

เมื่อเฉินเฟิงพูดจบ เฟิ่งซีก็หัวเราะขำออกมา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “คุณนั่นแหละกำลังแอบฟังอยู่ ยังจะหาเหตุผลอะไรมาแก้ตัวอีก”

เฉินเฟิงก็จนปัญญาได้แต่พูดว่า “เอาล่ะ ถือว่าฉันแอบฟัง แต่ว่าฉันก็กำลังปกป้องหลงหลินอยู่นะ คุณก็อย่ามาก่อกวนซิ”

เฟิ่งซีเดิมทีก็แค่คิดจะหยอกเฉินเฟิงเล่นเท่านั้น ก็ย่อมไม่เดินเข้าไปห้องโถงอย่างแน่นอน จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินกลับไปที่ห้องครัว ดูว่าน้ำเดือดแล้วหรือยัง

เพิ่งจะถูกขัดจังหวะไป ก็ไม่รู้ว่าพลาดอะไรไปแล้วบ้าง เฉินเฟิงจึงได้แต่เริ่มต้นฟังใหม่

พอดีเป็นช่วงจังหวะที่หลงหลินกำลังพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ละก็ เรื่องนี้อาจเป็นไปได้ที่ อาจารย์พวกเราคงจะลืมไปจริงๆ แต่ว่าพวกเราสองคนพี่น้องก็ไม่เคยได้ยินอาจารย์สั่งเสียอะไรไว้เลย ดังนั้นของชิ้นนี้ที่คุณท่านถามถึงนั้น พวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาจะเก็บไว้ที่ไหนได้บ้าง”

ชายชราดูเหมือนถอนหายใจเบาๆ

ส่วนชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูเหมือนอารมณ์ฉุนเฉียวไปหน่อย “ฉันว่าพวกคุณไม่ใช่ไม่รู้เรื่องหรอก พวกคุณเจตนาที่จะยักยอกไว้ ของที่อยู่ในนั้นพวกคุณไม่เกิดกิเลสอยากได้ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกแล้วล่ะ”

ชายชรามองไปยังชายหนุ่ม พูดต่อว่าด้วยเสียงเข้ม “เจ๋เอ๋อ อย่าเสียมารยาท”

ดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นก็ยำเกรงคนชราอยู่เหมือนกัน เมื่อคนชราพูดจบ เขาก็เงียบเสียงไปเลยได้แต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองหน้าหลงหลินด้วยความโกรธเคือง จนลูกตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

จากนั้นชายชราก็พูดกับหลงหลินด้วยความเสียใจว่า “ทำให้คุณหนูฉางหัวเราะเยาะแล้วหวังว่าคงให้อภัย ในเมื่อคุณหนูฉางก็ไม่รู้ว่าของชิ้นนี้อยู่ที่ไหนกันแน่ งั้นฉันก็คงไม่อยู่รบกวนทั้งสองท่านต่อไปแล้ว เพียงแต่หวังว่าจากนี้ไปขอให้ท่านทั้งสองช่วยใส่ใจสังเกตให้มากขึ้น หากได้พบเจอของสิ่งนั้นแล้ว ช่วยกรุณาติดต่อกลับมาหาฉันด้วย ก็จะซาบซึ้งในบุญคุณอย่างเหลือล้นทีเดียว”

เมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนั้นแล้ว การควบคุมสติอารมณ์ของชายวัยชรานับว่าล้ำเลิศกว่ามากเลย ไม่เย่อหยิ่งไม่เกรี้ยวกราด สมเป็นบุคลิกของผู้ที่มีสกุลรุนชาติ

ในใจของหลงหลินก็รู้สึกผิดบ้างเล็กน้อย นี่ตามหลักแล้วพวกเธอสมควรที่จะต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่า อย่างน้อยสิ่งของนั้นได้หายไปจากมือของพวกเธอ แต่ว่าชายชรากลับพูดเช่นนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้น จึงรีบลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิดว่า “คุณท่านพูดอะไรเช่นนี้ล่ะ เดิมทีควรจะเป็นเพราะพวกเราที่ไม่เก็บรักษาไว้ให้ดีเอง คนที่ต้องขอโทษคือพวกเราต่างหาก ถ้าพวกเราหาเจอเมื่อไหร่แล้วก็จะรีบแจ้งข่าวให้ท่านทราบโดยเร็วที่สุด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร