เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ความหวาดกลัวย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของคนทั่วไป สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ถือได้ว่าเป็นภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
เฟิ่งซีถึงกับตกใจกลัวจนน้ำตาจะไหลออกมา แต่ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายหนึ่งดังขึ้น
“เฟิ่งซี นี่ฉันเอง ฉันจะปล่อยคุณนะ แต่คุณห้ามส่งเสียงดังออกมาล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินเฟิงแล้ว เฟิ่งซีก็วางใจ แต่ดูเหมือนนึกขึ้นได้ว่าถึงแม้จะเป็นเฉินเฟิงก็ตาม เขาก็ไม่สมควรที่จะทำเช่นนี้ จึงคิดอยากจะต่อว่าเฉินเฟิง
เฟิ่งซีได้แต่ดิ้นรนอยู่เช่นนั้น กลับไม่พยักหน้าตอบรับออกมา เฉินเฟิงไม่รู้ว่าเธอหมายความว่าอย่างไร ก็ยิ่งไม่กล้าปล่อยมือ จึงพูดขึ้นว่า “ข้างนอกมีคนอยู่ พวกเราอย่าทำให้พวกเขาไหวตัวทัน ถ้าคุณฟังเข้าใจแล้วก็พยักหน้าด้วยนะ”
คราวนี้เฟิ่งซีก็เข้าใจแล้ว จึงรีบพยักหน้าให้เฉินเฟิง
หลังจากหลุดออกมาได้แล้ว เฟิ่งซีก็สูดลมหายใจลึกๆเข้าไป แล้วมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความตื่นตกใจ พูดด้วยเสียงเบาๆว่า “มีคนอยู่ข้างนอกเหรอ?”
เฉินเฟิงพยักหน้า
“เป็นใครกันเหรอ? จะมาทำร้ายพวกเราใช่มั๊ย?”
เฉินเฟิงตอบว่า “ไม่รู้สิ แต่ไม่ใช่คนดีแน่นอน คุณรีบหาที่หลบซ่อนตัวไว้ก่อน ฉันจะข้ามไปบอกเตือนหลงหลินก่อน”
เฟิ่งซีลากตัวเฉินเฟิงไว้ แทบจะไม่อยากให้เขาจากไปเลย “ฉันกลัว!”
เฉินเฟิงได้แต่ปลอบโยน “แล้วฉันจะปกป้องพวกคุณเอง คุณรีบซ่อนตัวไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจะพาหลงหลินเข้ามา ฉันรับรองว่าจะรีบกลับมา”
เฉินเฟิงจับมือที่อ่อนนุ่มของเฟิ่งซีไว้ ความอ่อนนุ่มของเพศตรงข้ามเช่นนั้น เฉินเฟิงก็เคยได้สัมผัสมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่จับมือเฟิ่งซีนั้น ก็มักมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ตอนนี้ในความนุ่มนวลนั้น แฝงด้วยความกลัวและสั่นสะท้าน
เฉินเฟิงกุมมือเธอไว้แน่น เพื่อส่งต่อความมั่นใจให้กับเฟิ่งซี เธอจึงพูดด้วยท่าทีราวกับไม่อยากให้จากไปว่า “งั้นคุณก็ต้องปกป้องพี่สาวให้ดีด้วยนะ”
เฉินเฟิงพยักหน้า หลังจากที่ปล่อยมือเฟิ่งซีแล้ว ก็รีบเดินไปยังห้องของหลงหลิน
แต่เพิ่งจะเดินเข้าไปถึง ก็พบว่าประตูห้องนอนของหลงหลินเปิดออกไว้แล้ว ภายในห้องก็เปิดไฟสว่างไว้ ในใจของเขาร้อนดั่งไฟลน รีบบุกเข้าไปทันที
ภายในห้องไม่มีแม้แต่เงาของหลงหลินแล้วจริงๆ แต่มองเข้าไปข้างใน ก็ไม่พบร่องรอยของการต่อสู้เลย ดูราวกับว่าหลงหลินเดินออกไปเอง
มองดูรอบๆแล้ว เฉินเฟิงก็ไม่พบเห็นเงาร่างคนอื่นเช่นกัน คาดเดาว่าอาจจะถูกไอ้คนพวกนั้นจับตัวไปแล้ว
เฉินเฟิงก็ไม่กล้าที่จะอยู่นาน ในใจนึกเป็นห่วงเฟิ่งซี ดีที่ห้องนอนของทั้งสองคนห่างกันไม่ไกลนัก เดินอ้อมกำแพงมาก็ถึงแล้ว
ยังดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อมาพบเฟิ่งซีที่แอบซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนแล้ว เฟิ่งซีก็ถามอย่างเป็นห่วงว่า “พี่สาวฉันล่ะ”
เฉินเฟิงปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เฟิ่งซีก็น้ำตาไหลออกมาทันที เฉินเฟิงก็รีบปลอบใจว่า “อย่าร้องไห้ไปเลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้แล้ว พวกเรายังต้องไปช่วยพี่สาวคุณอีกนะ”
แต่ห้ามยังไงก็ไม่ยอมหยุด เฉินเฟิงจึงปล่อยเลยตามเลย ได้แต่พูดว่า “ฉันจะปล่อยให้คุณอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้......”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ประตูห้องของเฟิ่งซีก็ถูกคนผลักออก เงาร่างสองคนกระโดดเข้ามา
ส่วนพวกเขาเห็นว่าภายในห้องมีคนสองคนยืนอยู่ ก็รู้สึกตื่นตกใจเช่นกัน แต่ว่าเฉินเฟิงก็ไม่รอให้พวกเขาตอบโต้เลย รีบซัดออกไปสองหมัดลงไปยังศีรษะของพวกเขาสองคน
ทั้งสองคนล้มลงอย่างน่าสงสาร แม้แต่เสียงร้องก็ยังไม่ทันตะโกนออกมาเลย
“รีบหนีเร็ว!” รู้ว่าพวกเขาเริ่มลงมือแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มาโอ้เอ้อีกแล้ว เฉินเฟิงจึงรีบลากเฟิ่งซีหลบหนีออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...