อะซานถูกจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ แต่ว่าเมื่อเห็นแขนขาของเฉินเฟิงถูกมัดเอาไว้แล้ว ในใจเขาก็แอบด่าตัวเอง
จากนั้นก็ดึงเอาแส้ที่อยู่ด้านข้างออกมา แล้วฟาดใส่ร่างของเฉินเฟิงอย่างไม่หยุดยั้ง ส่วนชายชราดูเหมือนกำลังดื่มด่ำชื่นชมกับฉากนี้มาก เขาก็นั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง คอยชมดูท่าทางที่เจ็บปวดของเฉินเฟิงด้วยความสะใจ
จนกระทั่งเฉินเฟิงสลบไปเพราะร่างกายที่อ่อนแอทนรับต่อไปไม่ไหว อะซานจึงได้หยุดลง
“วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน อย่าให้เขาตายไปก่อนล่ะ” ชายชราพูดจบก็หันหลังเดินจากไป
อะซานเดินอยู่ข้างหลังก็พยักหน้าตอบรับ
ส่วนหลงหลินที่อยู่ด้านบนนั้นในที่สุดก็ค่อยๆตื่นขึ้นมาแล้ว เธอมองเห็นเฟิ่งซีอยู่ตรงหน้าเธอ ดูเหมือนกำลังย้อนนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่ตัวเองจะสลบไป
คืนนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมากะทันหัน ก็นอนไม่หลับอีกแล้ว จึงเดินไปที่ห้องหนังสือเพื่อฆ่าเวลา นึกไม่ถึงว่าระหว่างทางถูกคนวางยาสลบ เรื่องราวจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
แต่ว่าตอนนี้เห็นตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเลย ข้างกายยังเป็นน้องสาวของตัวเองอีกด้วย จึงทำให้เธอยิ่งเป็นกังวล จึงถามว่า “พวกเราตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ?”
เฟิ่งซีเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตามที่ตัวเองได้เห็นมาให้ฟังทั้งหมด เมื่อได้ยินเรื่องราวที่เฉินเฟิงฆ่าคนตายแล้ว หลงหลินก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นตกใจ
แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นเฉินเฟิงแล้ว เธอก็ถามอีกว่า “แล้วเฉินเฟิงล่ะ?”
เฟิ่งซีส่ายหน้า “พวกเขาไม่ยอมบอกฉัน แต่แน่นอนที่ต้องถูกพวกเขาจับตัวไปแล้ว”
เฟิ่งซีนึกถึงคนพวกนั้นที่ตัวเองเห็นก่อนที่จะสลบไป พวกนั้นหลายคนรุมล้อมกระทืบเฉินเฟิงอย่างไม่หยุดยั้ง แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องของเฉินเฟิงเลย
หลงหลินก็ลุกขึ้นนั่งแล้วพูดว่า “พาฉันไปหาคุณท่านเฉียนคนนั้นหน่อยสิ”
เมื่อออกจากประตูห้องไป พี่น้องสองสาวก็เดินตรงไปยังห้องอาหาร แต่ว่าตอนนี้มีเพียงแค่ไอ้หนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ปากประตูทางเข้า
ดูไปแล้วอายุของเขาก็ประมาณไม่เกิน20ปี นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ เมื่อได้ยินมีคนเดินเข้ามา เขาจึงเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้กับสองสาวพี่น้องแล้วพูดว่า “พี่สาวทั้งสองทำไมไม่นอนพักต่ออีกหน่อยล่ะ”
แสดงออกถึงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นออกมา แต่ผลที่ได้รับกลับเป็นสายตาที่เยือกเย็นของหลงหลิน
“คุณท่านเฉียนล่ะ?” หลงหลินถามด้วยความเย็นชา
ชายหนุ่มตอบว่า “ดูเหมือนว่าคุณปู่เฉียนจะออกไปข้างนอกแล้ว พวกคุณหาเขามีเรื่องอะไรเหรอ? ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร พูดกับฉันก็ได้นะ ฉันสามารถช่วยแก้ปัญหาให้พวกคุณได้นะ”
ชายหนุ่มคนนี้ดูไปแล้วท่าทางมีน้ำใจดี เขาน่าจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
หลงหลินจึงไม่อยากเสียเวลากับเขามากนัก ได้แต่พูดด้วยเสียงเยือกเย็นเหมือนเดิมว่า “รอให้คุณท่านเฉียนกลับมาแล้วช่วยบอกพวกเราด้วย”
ดูเหมือนว่าตัวเองต้องมาอยู่ในที่นี้อย่างกะทันหัน แล้วก็ไม่สามารถช่วยเฉินเฟิงออกมาได้ ทั้งสองคนจึงได้แต่กลับไปรอที่ห้องต่อไป
ชายหนุ่มคนนั้นวางหนังสือลงทันทีแล้ววิ่งตามไป มาถึงตรงหน้าของพี่น้องสองสาวตระกูลฉาง
หลงหลินมองเขาด้วยท่าทีรังเกียจ ถามว่า “แล้วคุณจะทำอะไรอีกล่ะ?”
ชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่แสดงท่าทีเบื่อหน่ายเลย ยังคงยิ้มให้เหมือนเดิมแล้วพูดว่า “ฉันอยากจะถามพวกคุณทั้งสองว่าหิวแล้วหรือยัง พวกคุณสลบมานานขนาดนั้นแล้ว”
ในเวลานี้เอง ท้องของเฟิ่งซีก็ร้องเสียงจ๊อกๆออกมาอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา เธอหิวมานานแล้ว แต่ว่าไม่กล้าไปกินอาหารที่นี่ และไม่กล้าที่จะไปขอจากพวกเขาด้วย
หลงหลินมองเขาแล้วพูดว่า “ถ้าคุณมีของกินละก็ ช่วยส่งมาให้พวกเราที่ห้องหน่อยสิ”
อย่างน้อยก็เป็นการขอร้อง ท่าทีของหลงหลินก็อ่อนโยนลงบ้างเล็กน้อย
ชายหนุ่มยิ้มตอบตกลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...