เฟิ่งซีเอาอาหารกล่องหนึ่งชุดยื่นไปให้ตรงหน้าของหลงหลิน จากนั้นก็พูดว่า “ท่าทางของพวกเราอย่างนี้มันดูช่างโหดร้ายเกินไปนะ”
แต่ว่าหลงหลินกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาจับเฉินเฟิงไปแล้ว ไอ้หมอนี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ก็ไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากข้อสงสัยนี้ไปได้หรอก เขาอาจจะแกล้งแสดงทุกอย่างออกมาก็ได้ ต่อให้รู้ว่าเฉินเฟิงอยู่ไหน ก็ไม่ยอมบอกพวกเราหรอก"
เฟิ่งซีถามด้วยความอยากรู้ว่า “งั้นพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ พวกเขาควบคุมเฉินเฟิงไว้แล้ว ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจพวกเราเลย มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?”
หลงหลินก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบว่า “ฉันคาดเดาว่าเรื่องที่พวกเขาบุกเข้าไปในบ้าน คุณท่านเฉียนคนนั้นไม่ใช่เป็นคนบงการ ดังนั้นหลังจากที่เขารู้เรื่องแล้ว ก็รู้สึกละอายใจต่อพวกเรามาก ก็อาจจะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์งพวกเรา ทำให้เขาไม่สะดวกที่จะลงมือกับพวกเรา”
เฟิ่งซีถามว่า “แล้วเฉินเฟิงล่ะ?”
หลงหลินพูดว่า “แกบอกไม่ใช่เหรอว่าเฉินเฟิงฆ่าคุณชายเจ๋อะไรนั่น? ความแค้นแบบนี้มันไม่มีทางที่จะให้อภัยกันได้หรอก ถึงแม้คุณชายเจ๋นั่นทำความผิดอยู่ก่อนแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังคงโกรธแค้นอยู่ดี ดังนั้นถ้าพวกเราไม่สามารถที่จะช่วยเฉินเฟิงออกมาได้ละก็ เขาจะต้องประสบเคราะห์ร้ายอย่างแน่นอน”
สีหน้าเฟิ่งซีก็เป็นกังวล แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งวันแล้ว ในที่สุดคุณท่านเฉียนคนนั้นก็ยอมพบหน้าพวกเธอทั้งสอง
เวลาใกล้จะพลบค่ำแล้ว ไป๋ซูเข้ามาเคาะห้องนอนของพี่น้องสองสาว เป็นเพราะว่าสองวันมานี้มีความรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นเฟิ่งซีจึงมาอยู่ร่วมห้องเดียวกับหลงหลินตลอดเวลา แม้แต่เป็นเวลากลางคืนก็นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
เฟิ่งซีเปิดประตู พบว่าเป็นไป๋ซู ยังคงถามอย่างไม่สบอารมณ์เช่นเดิมว่า “ทำไมเป็นคุณอีกแล้วล่ะ?”
ไป๋ซูพูดว่า “คุณปู่เฉียนกลับมาแล้ว เขาอยากพบพวกคุณ ตอนนี้พวกคุณพอมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินว่าชายชรากลับมาแล้ว เฟิ่งซีรีบหันไปตะโกนพูดกับหลงหลินด้วยความดีใจว่า “พี่ เขากลับมาแล้ว”
หลงหลินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินแล้ว แกไม่ต้องพูดซ้ำหรอก พวกเราไปหาเขาตอนนี้ได้เลย”
ดังนั้นไป๋ซูจึงพาทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังเขตบริเวณอีกโซนหนึ่ง
“พวกคุณตามหาคุณปู่เฉียนมีเรื่องอะไรกันแน่เหรอ? สองวันมานี้เฝ้ารออยู่ตลอดเลย หรือว่าคุณปู่เฉียนติดหนี้อะไรพวกคุณเหรอ?” ไป๋ซูถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” น้ำเสียงของหลงหลินก็ยังคงเยือกเย็นมาก
แต่ไป๋ซูกลับพูดว่า “ถ้าฉันรู้สาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องราวแล้ว ฉันสามารถช่วยเหลือพวกคุณทั้งสองได้นะ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณปู่เฉียนก็นับว่าไม่เลวเลย ฉันคิดว่าถ้าฉันช่วยพูดจาหว่านล้อมสักสองสามคำ ก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่นา”
หลงหลินถามอย่างแปลกใจว่า “ที่คุณบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาดีมาก พวกคุณเกี่ยวข้องเป็นอะไรกันแน่ มันคงไม่ใช่ว่าแค่อาศัยคำพูดของคุณเพียงคำเดียว คุณท่านเฉียนก็ถึงกับเปลี่ยนใจกับเรื่องที่ไม่ยอมตกลงแต่แรกนั้นได้นะ”
ไป๋ซูพูดว่า “มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองหรือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก ฉันก็คงจะช่วยเหลือพวกคุณได้บ้าง”
หลงหลินเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น คำพูดนี้ทำให้คนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย เรื่องที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆเป็นเรื่องเล็กแล้วล่ะก็ งั้นก็แทบจะไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่อีกแล้ว
หลงหลินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก ผ่านไปไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงห้องหนังสือของคุณท่านเฉียนแล้ว
ไป๋ซูอยู่ข้างหน้าแล้วเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของคุณท่านเฉียนแล้ว เขาจึงเปิดประตูออก ทั้งสามคนก็เดินเข้าไปด้วยกัน
หลงหลินมองไปยังไป๋ซูด้วยความแปลกใจ ราวกับจะบอกว่าการสนทนาระหว่างเธอกับคุณท่านเฉียนนั้นไม่ต้องการให้เขาร่วมอยู่ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...