ไป๋ซิงรับแก้วน้ำจากมือของเขามา แต่กลับถือไว้ในมือ
เขาก้มศีรษะลงอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าเกิดปัญหาเรื่องราวที่กลุ้มใจมากเป็นพิเศษ เฉินเฟิงก็นั่งลงไปข้างตัวเขา แล้วถามว่า “สีหน้าท่าทางแกทำไมเป็นอย่างงี้ล่ะ หรือว่าพวกแกแต่ละคนมาที่นี่ก็เอาแต่ทำสีหน้าให้ฉันดูทุกคนเลยเหรอ?”
เมื่อได้ยินที่ฉันพูดเช่นนั้นแล้ว ไป๋ซิงก็ค่อยๆปรับสีหน้าท่าทางของตัวเอง เขาพูดว่า “ที่จริงก็มีเรื่องกลุ้มใจบ้างนิดหน่อย แต่ก็คิดว่าไม่ได้มาเยี่ยมแกนานแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามาถามไถ่อาการของแกดีกว่า”
เฉินเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “แกเป็นห่วงฉันขนาดนี้ รู้สึกว่าแกเหมือนถูกบีบบังคับยังไงไม่รู้ ไม่ได้มาด้วยความเต็มใจเลย”
ไป๋ซิงก็ฝืนหัวเราะขึ้นมา “ถ้าแกคิดอย่างที่พูดจริงละก็ งั้นก็ไม่มาเสียดีกว่า ประเดี๋ยวจะทำให้แกเข้าใจความหมายของฉันผิดไป กลับจะทำให้แกเกลียดชังฉันอีก”
เฉินเฟิงดื่มน้ำไปหนึ่งคำ แล้วพูดว่า “พูดมาเลยว่าแกมีเรื่องอะไรกันแน่ ดูจากท่าทางแกแล้วฉันก็รู้ว่าแกจะต้องมีอะไรมาขอร้องฉันแน่นอน”
ส่วนเฉินเฟิงก็เอ่ยปากพูดถึงขนาดนี้แล้ว ไป๋ซิงก็ไม่มีอะไรที่จะต้องลังเลอีกแล้ว เขาก็ดื่มน้ำตามไปหนึ่งคำเช่นกัน จากนั้นก็พูดว่า “ที่จริงแล้วฉันก็มีบางเรื่องที่อยากจะไหว้วานแกหน่อย แต่ก็กลัวเสียหน้าเลยไม่กล้าพูดออกมา”
เฉินเฟิงมองไปยังไป๋ซิงอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วไงว่า แกเคยช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้ามีปัญหาเรื่องอะไรละก็ บุญคุณนี้ฉันก็ย่อมต้องทดแทนให้แน่”
ไป๋ซิงถูกสายตานั้นจ้องมา ในที่สุดก็ไม่ลังเลอีกต่อไป “ฉันคิดว่าแกก็น่าจะรู้ว่าช่วงนี้บ้านตระกูลไป๋พวกเราเกิดเรื่องขึ้น เดิมทีฉันคิดว่าเรื่องนี้จะสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ แต่ว่า.......”
สีหน้าของไป๋ซิงแสดงออกถึงความสับสนบ้างเล็กน้อย ดูเหมือนทำใจยอมรับไม่ได้กับความพ่ายแพ้ของตัวเองอย่างมากทีเดียว
ถึงแม้พอจะรู้เรื่องบ้างก็ตาม แต่รายละเอียดเกิดเรื่องอะไรขึ้นนั้นเขาก็ยังรู้ไม่ชัดเจนมากนัก ดังนั้นจึงได้แต่ถามว่า “แกอยากให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?”
ไป๋ซิงคิดดูแล้วก็พูดว่า “คุณชายเฉิน ขอเพียงให้คุณช่วยฉันจัดการกับคนคนหนึ่งก็พอแล้ว”
เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัยว่า “คนคนหนึ่งเหรอ? เป็นใครกัน?”
“เป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงคนหนึ่ง ช่วงนี้เขามาถึงแถบทะเลทรายนี้แล้วเตรียมจะเปิดโครงการหนึ่ง ส่วนโครงการนี้ก็เกี่ยวโยงกับตระกูลไป๋เรา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ไป๋ซูเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาด้วย ถ้าโครงการนี้สามารถทำสำเร็จละก็ อย่างน้อยตระกูลไป๋ก็จะสามารถพลิกฟื้นขึ้นมาอยู่ในเกรดที่สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่งได้”
เฉินเฟิงครุนคิดสักครู่ ยิ้มแล้วพูดว่า “แกคิดอยากจะขัดขวางการค้าระหว่างไป๋ซูกับเขา จากนั้นก็ทำให้เขาหมดหนทางที่จะแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวตระกูลไป๋กับแกใช่ไหมล่ะ?”
ไป๋ซิงก็พยักหน้าอย่างเปิดเผย
“งั้นนักธุรกิจคนนี้เป็นใครกันแน่ อาศัยโครงการนี้โครงการเดียวถึงกับทำให้ตระกูลไป๋สามารถอัพเกรดให้สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่งได้ ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเลย ใช่หรือเปล่าล่ะ?” เฉินเฟิงถามด้วยความอยากรู้
ไป๋ซิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการใหญ่ของสมาคมหลิวซิง ชื่อ Southco ”
เฉินเฟิงก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก “เป็นตาเฒ่าคนนั้นเชียวเหรอ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาลงทุนที่ทะเลทรายแห่งนี้ ฉันจำได้ว่าคราวที่แล้วตอนเขามาลงทุนก็เป็นเวลาตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมาแล้ว อยู่ฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ ลงทุนก่อตั้งโรงงานอุปกรณ์การผลิตระดับไมโครที่ใหญ่ที่สุดในโลก”
ไป๋ซิงก็ได้แต่ถอนหายใจ “ไอ้หมอนั่นเป็นนักลงทุนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งจริงๆ ทุกครั้งที่ลงทุนก็คาดคะเนได้แม่นยำว่าเป็นธุรกิจที่จะต้องร้อนแรงในอีก10ปีข้างหน้า ทำให้เขา สามารถทำกำไรมหาศาลเป็นกอบเป็นกำจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว”
เฉินเฟิงมองดูท่าทางของไป๋ซิงที่หมดกำลังใจ จึงพูดปลอบโยนว่า “ในเมื่อแกมาหาฉันถึงที่แล้ว งั้นฉันก็จะต้องช่วยเหลือแกอย่างแน่นอน แล้วก็พอดีเลย ที่ฉันพอสนิทสนมกับ Southcoคนนี้บ้าง"
ไป๋ซิงมองไปยังเฉินเฟิงด้วยความประหลาดใจ “แกก็รู้จักเขาด้วยเหรอ? เดิมทีฉันเพียงแต่อยากจะให้แกช่วยฉันขัดขวางไม่ให้เขามาลงทุนที่ทะเลทรายนี้เท่านั้น ขอเพียงแต่ให้เขาออกไปจากทางตะวันตกเฉียงเหนือได้ งั้นเขาจะไปลงทุนที่ไหนฉันก็ไม่สนใจอะไรหรอก แต่ถ้าแกรู้จักเขาล่ะก็ งั้นคุณชายเฉินคุณก็กรุณาช่วยเป็นสะพานทอดให้ฉันข้ามไปด้วยจะได้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...