หลังจากที่ติดต่อกับSouthcoแล้ว เฉินเฟิงก็โทรศัพท์ไปหาไป๋ซิง ไป๋ซิงก็พูดตอบเฉินเฟิงด้วยถ้อยคำขอบคุณชุดใหญ่ ฟังแล้วรู้สึกแทบจะขนลุกซู่ไปทั้งตัว เฉินเฟิงก็ไม่อยากจะฟังอีกต่อไปแล้ว รีบวางสายก่อนที่เขาจะพูดจบเสียอีก
เดินกลับเข้าไปในบ้าน เสี่ยวเย่ก็ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คุณทำอะไรเนี่ย ดูไปแล้วก็ไม่เลวเลยนะ” เฉินเฟิงมองดูกับข้าวบนโต๊ะอาหาร
เสี่ยวเย่ยกกับข้าวจานใหญ่จานหนึ่งเดินออกมา รู้สึกในนั้นจะเป็นซุปกระดูก
“นี่มันเป็นกับข้าวประจำถิ่นของที่นี่เลยนะ นางฟ้าโปรยดอกไม้ รสชาติอร่อยดีมากเลย คุณชายเฉิน คุณต้องลองชิมดูหน่อยแล้ว รับรองว่าคุณกินแล้วจะต้องติดใจอยากกินอีกแน่เลย”
เฉินเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าไม่อร่อยละก็ ฉันจะต้องหักเงินเดือนคุณแล้วล่ะ”
เสี่ยวเย่พูดโวยวายว่า “โอ๊ย! คุณชายเฉินคุณทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน ถ้าคุณแกล้งบอกว่าไม่อร่อยล่ะ งั้นฉันก็ไม่ต้อง.......”
เฉินเฟิงมองดูท่าทางที่เธอตกใจแทบจะร้องไห้ออกมา เขารู้ว่าคำล้อเล่นของตัวเองทำให้เสี่ยวเย่นึกว่าเป็นจริง จึงปลอบใจเธอว่า “คุณไม่ต้องตกใจหรอก ฉันก็แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง ฉันยังพูดไม่จบเลย ถ้ามันอร่อยจริงละก็ ฉันก็จะเพิ่มเงินเดือนให้คุณไง คุณไม่ใช่ว่าแม้แต่ความเชื่อมั่นตัวเองก็ไม่มีสักนิดเลยเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนี้นะ ดูไปแล้วก็ไม่น่าจะอร่อยเท่าไหร่นักหรอก”
พอพูดเช่นนี้แล้ว เสี่ยวเย่ก็หน้าระรื่นขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “คุณชายเฉิน คุณวางใจเถอะ ฉันรับรองว่ามีความมั่นใจแน่นอนเลย แต่ว่าฉันก็ไม่อยากให้คุณเพิ่มเงินให้ฉันหรอก ขอเพียงแค่คุณพูดชมฉันก็พอแล้ว”
ไม่ต้องการเพิ่มเงินเดือน เฉินเฟิงถามด้วยความอยากรู้ว่า “ทำไมล่ะ ฉันเพิ่มเงินเดือนให้คุณไม่ดีเหรอไง?”
เสี่ยวเย่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คราวที่แล้วคุณก็เพิ่มเงินเดือนให้ฉันครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนนี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันควรจะทำอยู่แล้ว ทำให้อร่อยก็สมควรแล้ว ฉันคงไม่ใช่อยากได้เงินตอบแทนเพราะเรื่องนี้หรอก”
เฉินเฟิงหัวเราะ หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบชิ้นเนื้อข้างบนชิ้นหนึ่งเข้าปากไป รู้สึกกรอบนอกนุ่มใน อร่อยจนแทบจะลืมไม่ลง เป็นอาหารที่เลิศรสจริงๆ
จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อร่อยสุดยอดจริงๆเลย อร่อยกว่าที่ร้านภัตตาคารทำเสียอีก”
เสี่ยวเย่ก็ดีใจมาก “ขอบคุณคำชมของคุณชายเฉินมากค่ะ ต่อไปนี้ฉันจะยิ่งขยันทำมากขึ้นกว่านี้ ฉันยังมีของที่อร่อยอีกหลายอย่างนะ คุณชายเฉินก็จะต้องชอบแน่ๆเลย”
เมื่อเห็นเด็กสาวคนนี้ยิ้มด้วยความดีใจ เฉินเฟิงก็ถูกรอยยิ้มของเธอซึมซับไปด้วย ก็รู้สึกดีใจไปกับเธอด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เสี่ยวเย่ก็เก็บกวาดจานชาม เฉินเฟิงก็นอนเล่นสบายอารมณ์อยู่ใต้ต้นไม้ ช่วงนี้ดูเหมือนเป็นเวลาพักผ่อนที่สุขสบายอะไรเช่นนี้
ในไม่ช้าก็ถึงวันที่Southcoมาถึงทะเลทรายแล้ว หลังจากนัดหมายวันที่พบเจอกันแล้ว ไป๋ซิงก็ขับรถด้วยตัวเองมารับเฉินเฟิงถึงบนเขาโดยเฉพาะ
เมื่อเห็นปอร์เช่ 911 คันนั้น เฉินเฟิงก็ถามว่า “แกไปได้ของเก่สโบราณชิ้นนี้มาจากไหนเหรอ? ตัวถังทาร์โกหรือว่าเทอร์โบล่ะ?”
ไป๋ซิงยิ้มแล้วพูดว่า “แบบทาร์กา ก็ชอบรถเก่าแก่แบบนี้แหละ ถึงจะให้ความรู้สึกที่แท้จริง กว่าจะได้มาไม่ใช่ง่ายเลยนะ ไปควานหาซื้อมาจากพวกนักสะสมรถเก่าแก่คนหนึ่ง ดังนั้นจึงใช้มาจนถึงทุกวันนี้เลย”
เฉินเฟิงกลับไม่ได้มีความชอบส่วนตัวกับการสะสมรถหรูพวกนี้ เขาขอเพียงแค่ให้มีครบสี่ล้อ สามารถที่จะใช้แทนการเดินได้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
จากนั้นก็ไปกับไป๋ซิงสองคนตรงไปยังโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลาน ส่วนพอรู้ว่า Southcoจะมา ไป๋ซิงก็ได้รีบสั่งจองห้องพิเศษของโรงแรมที่หรูที่สุดไว้ก่อนแล้ว
เดิมทีเฉินเฟิงก็ไม่อยากจะฟุ่มเฟือยเช่นนี้ ก็มีพวกเขาแค่สามคน อย่างมากSouthcoทางนั้นก็เพิ่มมาอีกสักคนสองคนเท่านั้น แล้วมาจองห้องพิเศษใหญ่ขนาดนี้ก็จะเป็นการฟุ่มเฟือยไปหน่อย
แต่ว่าไป๋ซิงกลับยืนยันว่า “นั่นมันก็เป็นธุรกิจของตระกูลตัวเอง จะไปบอกว่าฟุ่มเฟือยอะไรกันล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เฉินเฟิงก็ไม่คัดค้านอีกแล้ว
แล้วมันก็สมกับที่เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลานจริงๆ ภายในลานจอดรถนั้นแทบจะมีแต่รถหรูราคาแพง แม้แต่ออดี้ คาดิลแลครถพวกนั้นก็แทบจะไม่ได้เห็นเลย เบนซ์ S Class พวกนั้นอยู่ที่นี่ล้วนถือว่าเป็นรถธรรมดาไปแล้ว
เดินตามหลังไป๋ซิงไป ขึ้นลิฟต์ทีเดียวก็ตรงไปถึงที่หมายแล้ว ชั้นนี้ดูเหมือนว่ามีเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนมารบกวนนั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร