“ประตูเหล็กของที่นี่ก็นับเป็นประตูที่มีการออกแบบกลไกขึ้นมาโดยเฉพาะเช่นกัน ถ้าไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้อของตระกูลโจว ก็จะไม่รู้วิธีเปิดเด็ดขาด” โจวฟ่างกล่าวแนะนำ
ทางด้านเฉินเฟิงเพียงแต่พยักหน้าเข้าใจโดยไม่พูดกล่าวสิ่งใด
จากนั้นก็เดินตามโจวฟ่างเข้าไปด้านใน
ภายในห้องลับนี้มีการติดตั้งหลอดไฟเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นโจวฟ่างจึงสัมผัสไปยังบริเวณด้านข้างเพื่อเปิดไฟ
ที่นี่นับว่าเป็นสถานที่หลบภัยที่มีความครบครันอย่างมาก มีทั้งทีวีที่ใช้สำหรับดับคลายความอุดอู้ พร้อมทั้งอาหารและน้ำที่ถูกจัดเรียงไว้ตรงมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งมากเพียงพอสำหรับคนจำนวนนับสิบใช้ประทังชีวิตนานนับเดือนเลยทีเดียว
“คุณชายเฉิน คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะเข้าหยิบของมาให้ดู” โจวฟ่างหันไปพูดกับเฉินเฟิง
เฉินเฟิงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปนั่งลงยังโซฟาตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในห้อง ที่นี่ไม่ว่าอะไรก็มีหมด ชั้นวางที่อยู่ข้างๆ มีหนังสือนิยายหลายเล่มตั้งอยู่ ดูแล้วพวกเขาจะมีการคิดวิเคราะห์ที่รอบคอบมากจริงๆ
เฉินเฟิงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา แล้วเปิดอ่านไปสองหน้า แต่ทว่าไม่รู้เพราะเหตุอะไรโจวฟ่างถึงยังไม่ออกมาเสียที
“โจวฟ่าง!” เฉินเฟิงตะโกนเรียกเข้าไปด้านใน
แต่แล้วกลับไม่มีการตอบกลับใดๆ ทั้งสิ้น เฉินเฟิงเริ่มรู้สึกแปลกใจ พร้อมทั้งกังวลในตัวโจวฟ่างขึ้นมา จึงเดินเข้าไปในห้องที่เขาเพิ่งเข้าไปเมื่อสักครู่นี้ แต่ว่าภายในห้องกลับไม่เห็นร่างของโจวฟ่างอีกแล้ว
สัญญาณเตือนอันตรายในตัวของเฉินเฟิงเกิดขึ้นทันที ทันใดนั้นเองเขาก็รีบวิ่งไปยังประตูทางเข้าที่เพิ่งเข้ามาเมื่อสักครู่นี้ แต่ประตูเหล็กนั้นกำลังปิดลงด้วยความรวดเร็ว
และในตอนที่เขากำลังจะหนีออกไปนั้น เสียงล็อกของเครื่องจักรก็ดังขึ้นมา
ประตูใหญ่ถูกปิดลงอย่างสนิท เฉินเฟิงถึงกับจ้องเขม็ง จนถึงตอนนี้เขายังคงไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรโจวฟ่างถึงต้องทำแบบนี้
แต่ต่อให้จะคิดมากแค่ไหนก็ไม่มีหนทางที่จะทำให้เขาหนีออกไปจากที่นี่ได้ รอให้หาทางออกไปได้ก่อนแล้วค่อยไปถามหาเหตุผลดีกว่า
แต่ประตูเหล็กหนาทึบบานนี้กลับไม่ส่วนไหนที่ดูเหมือนจะมีรูกุญแจอะไรแบบนี้ หรือที่สำหรับเปิดปิดอยู่เลย ดูเป็นเหมือนเพียงแผ่นเหล็กที่ถูกฝังไว้กับผนังจนเรียบเข้ากันไปหมด ราวกับว่าการจะหาทางออกจากตรงนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
แต่ว่าเมื่อสักครู่โจวฟ่างก็ไม่ได้ออกไปจากทางนี้เหมือนกัน เฉินเฟิงนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด หากว่าโจวฟ่างแอบเดินออกไปจากตรงนี้ ไม่มีทางที่เขาจะมองไม่เห็นเด็ดขาด
เฉินเฟิงที่คิดอย่างนั้นจึงเดินเข้าไปยังห้องที่โจวฟ่างหายตัวไป
เมื่อลองกวาดสายตามองไปแล้ว ที่นี่ก็เป็นเพียงห้องนอนธรรมดาที่ไร้ซึ่งหน้าต่างห้องหนึ่งก็เท่านั้น และมีเพียงเตียงสองชั้นหลายเตียงจัดวางไว้เพื่อประหยัดพื้นที่
เขาเดินเข้าไปเคาะตามกำแพงห้องอย่างไม่ลดละ ด้วยความต้องการที่จะหาตำแหน่งของประตูลับ แต่ก็ยังเป็นเช่นเคยคือไม่มีร่องรอยใดๆ เลย
เมื่อเห็นอย่างนั้นเฉินเฟิงก็หงุดหงิดขึ้นมาพร้อมกับพลิกเตียงทั้งหมดภายในห้อง ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่สักตารางนิ้ว แต่ว่าเขาก็ยังไม่สามารถค้นเจอประตูลับนั้นเลย
หลังจากที่ค้นหาอย่างหนักแบบนี้มาเป็นเวลากว่าหลายชั่วโมง ในที่สุดเฉินเฟิงก็รู้สึกถึงเหนื่อยล้า
เขาเดินกลับไปนั่งยังโซฟาตัวเมื่อสักครู่นี้ พร้อมกับหยิบน้ำขวดหนึ่งจากมุมห้องออกมา แต่ในตอนที่เขาเปิดฝาออกมาปรากฏว่าด้านในกลับมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
ไม่มีร่องรอยของน้ำแม้แต่นิดเดียว
ด้วยความไม่อยากจะเชื่อเขาจึงพลิกกล่องสิ่งของเหล่านั้นออก และเฉินเฟิงก็ต้องทำใจยอมรับความจริงนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น แม้แต่น้ำและอาหารล้วนเป็นของปลอมทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ในขณะที่กำลังสิ้นหวังว่าถ้าหากไม่มีคนมาพบตัวเขา ขีดจำกัดของการจะมีชีวิตต่อไปโดยตัวคนเดียวแบบนี้ก็คงมีเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และตอนนั้นไฟที่อยู่บนเพดานก็ดับลงอย่างกะทันหัน
บริเวณโดยรอบมืดมิดไปหมด ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เดียวดายราวกับตัวเองได้ตกลงไปยังหุบเหวลึก
เฉินเฟิงกลับมานั่งยังโซฟาอย่างมั่นคง โดยภายในใจไม่อาจร้อนรนอีกต่อไป
ทุกอย่างคงต้องรอดูชะตาสวรรค์แล้ว
ทางฝั่งด้านนอกในเวลานี้ โจวฟ่างเดินกลับไปยังงานเลี้ยงฉลอง ซึ่งพอดีกับทุกอย่างที่กำลังเริ่มขึ้น เขากลับเข้าไปในกลุ่มคนตระกูลโจว ราวกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มออกมา ก่อนจะเข้าไปให้การต้อนรับแก่แขก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...