เสียง “แคร็ก” ดังขึ้น โจวจื่อเอ๋อจึงถอยหลังไปสองก้าวทันที เธอน่าจะหาเจอแล้ว
จากนั้นการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆก็เกิดขึ้น ตู้หนังสือแยกออกจากกันไปอีกข้าง ปรากฏให้เห็นทางเข้าอันมืดมิดนั้นอีกครั้ง
โจวจื่อเอ๋อเดินไปยังทางเข้าอย่างระมัดระวัง พลางพาดมือลงไปยังตู้หนังสือแล้วมองเข้าไปด้านใน พร้อมเรียกด้วยเสียงเบาๆ : “คุณชายเฉิน!”
ภายในห้องลับเกิดเสียงสะท้อนเบาๆ กลับมา แต่กลับไม่มีการตอบกลับใดๆ จากเฉินเฟิงเลย
โจวจื่อเอ๋อจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง บนใบหน้าเผยให้เห็นสีหน้าที่แน่วแน่ จากนั้นเธอก็ตรงเข้าไปด้านในอย่างช้าๆ
ภายในความมืดมิด เธอเดินไปอย่างระวังตัวอย่างมาก พร้อมกับคอยฟังเสียงอย่างใจจดใจจ่อ เพราะเธอกังวลว่าจะมีคนอยู่ด้านล่าง
ถึงแม้จะคาดเดาได้แล้วว่าคนที่ขังเฉินเฟิงไว้ที่นี่คือโจวฟ่าง แต่ก็ยังไม่สามารถตัดคนอื่นๆ ออกไปได้อยู่ดี
ภายในเส้นทางอันคับแคบ หลังจากเดินมากว่าสิบนาที ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าประตูเหล็กหนาบานนั้น
แต่เมื่อเจอกับประตูบานนี้ เธอก็ไร้หนทางที่จะไปต่อ
เธอตะโกนเรียกชื่อเฉินเฟิงเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเพราะที่นี่จะมีกำแพงกันเสียงที่ไม่เลว รวมกับการที่โจวจื่อเอ๋อไม่กล้าที่จะเรียกเสียงดังเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ จากด้านในทั้งสิ้น
โจวจื่อเอ๋อที่อยู่ด้านหน้าประตูต้องการที่จะหากลไกการเปิดแบบเดียวกับข้างบน แต่เมื่อลูบคลำไปทั่วบริเวณนั้นแล้ว กลับไม่รู้วิธีการที่จะเปิดประตูออกเลย
ภายใต้ความหงุดหงิดในใจ และด้วยความไม่รู้เลยว่าเฉินเฟิงอยู่ด้านในนี้จริงหรือเปล่า พร้อมกับความกลัวว่าจะมีคนเข้ามาเจอด้วยหรือเปล่านั้น เธอจึงเข้าไปอิงกับประตูเพื่อให้ตัวเองสงบสติลง
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เธอจึงหันกลับไปมองยังประตูเหล็กอันหนาอึ้งนั้นอีกครั้ง พร้อมกับครุ่นคิด จากนั้นจึงวิ่งกลับขึ้นไปยังห้องหนังสือแล้วหาตะเกียงโลหะอันหนึ่งจากตรงนั้นก่อนจะกลับไปด้านในอีกครั้ง
แต่เธอไม่ได้ทุบมันลงไปโดยตรง เพียงแค่กอดตะเกียงนั้นเอาไว้แล้วเคาะประตูอยู่ตรงนั้นอย่างเบาๆ เป็นครั้งๆ ราวกับกำลังเคาะในจังหวะที่แตกต่างกันไป
ส่วนเฉินเฟิงที่ตอนนี้กำลังอยู่ภายใต้ความมืดสนิทนั้น ก็เปลี่ยนเป็นคนที่มีความอ่อนไหวต่อทุกเสียงที่เกิดขึ้น
ในขณะที่กำลังงีบหลับ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโลหะกำลังกระทบกันดังขึ้น ทำให้เขาคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไป แต่เมื่อตั้งใจฟังไปเรื่อยๆ เขาก็รู้ตัวทันทีว่าเขาได้ยินเสียงนั้นจริงๆ
ซึ่งเสียงนั้นกำลังดังมาจากประตู
เฉินเฟิงนึกตามความทรงจำของตัวเองเดินตรงไปยังประตูเหล็ก และเสียงนั้นยังคงดังไม่หยุดเสียที
เมื่อลองเข้าไปสัมผัสกับประตูเหล็ก ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ เขาอิงไปบนประตูเหล็กแล้วพยายามใช้หูแนบชิดเข้าไป
ปรากฏว่ามีเสียงกำลังดังขึ้นมาจริงๆ ซึ่งแต่ละเสียงนั้นกำลังดังขึ้นมาเป็นจังหวะอย่างมาก
“มีคนหรือเปล่า?” เขาตะโกนอย่างเสียงดัง
แต่ในขณะเดียวกันโจวจื่อเอ๋อที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เช่นกัน และเสียงเคาะนั้นก็ยังคงดังไปเรื่อยๆ
เฉินเฟิงครุ่นคิดหนัก ก่อนจะไปค้นหาตามบริเวณโดยรอบแล้วไปสัมผัสเข้ากับขาเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งเป็นโลหะเช่นกัน
เขาถอดขาเก้าอี้ออกมาได้อย่างไม่เปลืองแรงเลย จากนั้นก็กลับไปยังประตูเหล็กอีกครั้ง
ก่อนจะเคาะไปยังประตูเหล็กรัวๆอย่างไม่เป็นจังหวะ
ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกอย่างโจวจื่อเอ๋อดูเหมือนจะสัมผัสได้กับอะไรบางอย่าง ซึ่งจังหวะการเคาะนั้นถูกเคาะอย่างไม่เป็นท่วงทำนองเลย
เธอตกตะลึงจนหยุดการกระทำของตัวเองลง ขณะที่เฉินเฟิงเองก็ยังคงเคาะไปเรื่อยๆ เธอแนบหูเข้าไปชิดกับประตูเหล็ก จากนั้นจึงได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นด้านใน
มีคนอยู่ด้านในนั้น นี่คือสิ่งที่โจวจื่อเอ๋อคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้
แต่ว่าจะติดต่อกับเขาอย่างไร แล้วหลังจากนั้นจะช่วยเขาออกมายังไงดี ?
เธอคิดหนัก ก่อนจะใช้ท่วงทำนองบางอย่างเคาะไปบนประตูเหล็ก
หลังจากที่เฉินเฟิงเกิดความตื่นเต้น เขาก็รู้ตัวว่าแม้จะมีคนพบเขาแล้ว แต่การจะช่วยเขาออกไปนั้นยังถือเป็นเรื่องยากอย่างมาก
เขาได้ยินเสียงเคาะจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง จึงหยุดการกระทำของตัวเองลงพร้อมกับเริ่มตั้งใจฟังเสียงที่ดังขึ้น
เสียงนั้นมีจังหวะที่แปลกประหลาดอย่างมาก และไม่เหมือนกับท่วงทำนองที่คงที่ จนกระทั่งเขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ หลังจากที่เฉินเฟิงได้ฟังท่วงทำนองที่คล้ายคลึงกันนั้นถึงสองครั้ง เขาก็เข้าได้ทันทีเลยว่า นี่คือรหัสมอร์ส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...