โจวจื่อเอ๋อราวกับสามารถควบคุมน้ำตาเหล่านี้ได้เสียอย่างนั้น เพียงแค่เธอเอ้อระเหยมองไปข้างหน้า น้ำตาก็หยุดไหลออกมาไม่ให้เห็นอีก เธอเหลือเพียงความน้อยเนื้อต่ำใจ ใครที่ได้เห็นก็ต้องรู้สึกเห็นใจทันที
และในขณะที่พิงไปบนตัวของโจวฟ่าง โจวจื่อเอ๋อก็สัมผัสได้กับบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับกุญแจ เพียงแค่ไม่รู้ว่าใช่กุญแจของสถานที่แห่งนั้นหรือไม่เท่านั้น
โจวฟ่างดึงตัวโจวจื่อเอ๋อไปนั่งลงยังที่นั่งข้างๆ พร้อมกับกล่าวปลอบใจ : “จื่อเอ๋อ ลุงสี่กับเธอถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ยังไงเสียเธอก็เป็นหลานสาวของลุงสี่ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ลุงสี่จะช่วยเธอแก้ปัญหาเอง”
ในตอนที่จิตใจกำลังหม่นหมอง เมื่อได้ยินโจวฟ่างพูดแบบนี้ เธอจึงค่อยๆ แสดงท่าทีที่ดีขึ้น พร้อมตอบกลับ : “คุณลุงสี่ คุณรู้หรือหรือเปล่าคะ ?ที่จริงแล้วหนูไปอยากแต่งงานออกไปเลย และคุณชายรองตระกูลไป๋คนนั้น จื่อเอ๋อก็ไม่ได้ชอบด้วย แต่ว่าคุณลุงใหญ่ ……”
เธอพูดไปพลางดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
แต่แล้วสีหน้าของโจวฟ่างก็แสดงท่าทางลำบากใจขึ้นมา : “ถ้าหากว่าเป็นเรื่องนี้ จื่อเอ๋อเธอเองก็รู้ดีว่าสถานการณ์ในตระกูลโจวของเรา ……”
ยังไม่ทันรอให้โจวฟ่างได้กล่าวจบ โจวจื่อเอ๋อก็แย้งขึ้นมาอย่างร้อนรน : “คุณลุงสี่ ถ้าหากคุณลุงยอมตกลงช่วยเหลือจื่อเอ๋อ ไม่ว่าลุงสี่จะขออะไรจื่อเอ๋อก็จะยอมตกลงทั้งสิ้น”
โจวฟ่างกล่าวปลอบอย่างนุ่มนวล: “จื่อเอ๋อ อันที่จริงคุณชายรองตระกูลไป๋คนนี้ก็ไม่มีส่วนไหนไม่ดีเลย เธอก็ได้ยินที่พี่ใหญ่พูดแล้วไม่ใช่หรือ เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่เลวคนหนึ่งเลยนะ เมื่อเทียบกับพวกชายหนุ่มเจ้าสำราญผู้ร่ำรวยพวกนั้นแล้วถือว่าดีกว่าเป็นหลายเท่าเลย”
ทันใดนั้นสีหน้าของโจวจื่อเอ๋อก็จริงจังขึ้นมา: “คุณลุงสี่ ไม่ใช่ว่าคุณลุงอยากจะเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลโจวหรอคะ ?ขอเพียงคุณลุงสี่ตอบตกลงว่าจะไม่ให้หนูแต่งงานออกไป หนูก็จะช่วยให้คุณลุงสี่ได้ครองตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว”
“ใครให้เธอพูดแบบนี้กัน” โจวฟ่างที่ได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็แข็งกระด้างขึ้นมา : “เธอใส่ร้ายฉัน ฉันโจวฟ่างเป็นคนที่ทำเรื่องอย่างเปิดเผยและโปร่งใสมาโดยตลอด จะมีความคิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
ทว่าโจวจื่อเอ๋อยังคงแสดงท่าทีเศร้าโศก พลางตอบกลับ : “คุณลุงสี่ เรื่องแบบนี้คนตระกูลโจวต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว ต่อให้คุณปู่สามมักจะพูดแบบนี้ แต่ฉันกลับคิดว่าไม่มีอะไร ขอเพียงคุณลุงสี่ยอมตอบตกลงกับจื่อเอ๋อ จื่อเอ๋อก็จะยอมช่วยคุณ รวมทั้งการเกลี้ยกล่อมคุณปู่สามก็จะไม่ใช่ปัญหาด้วย”
โจวฟ่างอุทานออกมาอย่างเย็นชา: “เธออย่าไปฟังคนอื่นพูดจาเหลวไหล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแค่คำพูดที่ไม่มีที่มาที่ไป”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปสนใจโจวจื่อเอ๋ออีก และยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะไปสนใจท่าทางน้อยใจนั้นเธอเลยด้วย เขาหันหลังแล้วเดินออกมาทันที
เมื่อรอจนกระทั่งมองไม่เห็นร่างของโจวฟ่างแล้ว โจวจื่อเอ๋อจึงเขี่ยบริเวณรอบดวงตา แล้วเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า จากนั้นสีหน้ากลับกลายเป็นความเยือกเย็นขึ้นมา
ตอนนี้รู้แล้วว่ากุญแจนั้นยังอยู่กับตัวเขา ต่อจากนี้ก็เหลือแค่ต้องไปเอาสิ่งของนั้นมาไว้ในมือให้ได้
เธอลุกขึ้นยืน เมื่อคนที่เดินผ่านหันมอง ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนอีกครั้ง กลายเป็นคนที่มีท่าทางอ่อนหวานคนนั้น
บางทีคงเป็นเพราะมัวแต่สวมใส่หน้ากากต่อหน้าคนอื่นมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ตัวเองได้หลงลืมไปแล้วว่าคนไหนกันแน่ที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
ทางด้านโจวฟ่างที่หลังจากได้พูดคุยกับโจวจื่อเอ๋อเสร็จ เขาก็เดินกลับไปยังลานหลังด้วยความขุ่นเคือง ภรรยาและลูกต่างไม่อยู่ เขาจึงได้เพียงเอนตัวลงไปบนเก้าอี้ด้วยตัวคนเดียว
แต่ว่าผ่านไปเพียงไม่นาน โจวจื่อเอ๋อก็เดินมาจากลานใหญ่เข้าไปหาเขา
“เธอจะทำอะไรอีก?” โจวฟ่างพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
ตอนนี้โจวจื่อเอ๋อไม่ได้เหลือท่าทีดังเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว เธอพูดออกมาอย่างเรียบง่าย : “คุณลุงสี่ เรื่องเมื่อสักครู่นี้เป็นเพราะจื่อเอ๋อพูดจาเหลวไหลเท่านั้น คุณลุงสี่อย่าได้เอาไปใส่ใจเลยนะคะ”
โจวฟ่างตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์: “ฉันไม่คิดจะโกรธเคืองกับเด็กอย่างเธอหรอก เธอไปเถอะ เรื่องของเธอฉันช่วยไม่ได้”
แต่ว่าโจวจื่อเอ๋อกลับยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เธอพูดออกมาอย่างเชื่องช้า : “จื่อเอ๋อยังมีอีกเรื่องที่อยากจะบอกกับคุณลุงสี่”
“เรื่องอะไร” โจวฟ่างได้เพียงกล่าวถามอย่างเฉยชา
“เกี่ยวกับเรื่องของหมาป่าทะเลทรายค่ะ”
และแล้วโจวฟ่างเหมือนจะถูกหัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจขึ้นมา
“เธออยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“หนูก็แค่ค้นพบว่าคุณชายเฉินคนนั้นอาจจะไม่ได้มีความจริงใจที่จะช่วยเหลือพวกเราในการต่อกรกับหมาป่าทะเลทราย” โจวจื่อเอ๋อพูดอย่างเรียบช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...