มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน นิยาย บท 58

"จริงเหรอ?" จ๊ะเอ๋ถามออกไปแบบไม่เชื่อหู

"อืม"

"แล้วผู้จัดการเป็นยังไงบ้าง"

"โชคดีที่เขากินเข้าไปไม่เยอะ" จริงๆ แล้วเธอก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไงบ้าง พอเกิดเรื่องเธอก็ออกมาทำแผลที่ถูกน้ำร้อนลวก ก็ไม่ได้เจอหน้าเขาอีก

ทั้งสองนั่งทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารได้ครู่หนึ่ง พระรามก็ตามมา

"คุยอะไรกันอยู่"

"กำลังคุยเรื่องผู้จัดการดื่มกาแฟ"

"เขาดื่มกาแฟได้ด้วยเหรอ" พระรามถามแบบไม่ค่อยจริงจังนัก แล้วก็ตักอาหารที่จ๊ะเอ๋เตรียมไว้ให้ขึ้นมาใส่ปาก

"เขาแพ้คาเฟอีนมากเลยเหรอ" ถ้าพระรามพูดแบบนี้นั่นแสดงว่าพระรามก็ต้องรู้เรื่องนี้ด้วย ..ของขวัญยังคงไม่สบายใจที่ไปบังคับให้เขากินกาแฟ เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้า

จ๊ะเอ๋ก็เลยเล่าคร่าวๆ ให้พระรามฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะดูใบหน้าของสามีแล้วเหมือนจะสงสัยแต่ก็ไม่ถาม ว่าทำไมพี่ชายถึงได้ดื่มกาแฟทั้งๆ ที่กินไม่ได้

"หึ"

"คุณขำอะไรคุณราม" ของขวัญยิ่งไม่สบายใจอยู่ พอเห็นพระรามขำที่ได้ยินว่า ตัวเองเป็นคนเอากาแฟเข้าไปให้ เพราะมัลลิกาอยู่ในนั้น แถมขู่เขาถ้าไม่กินจะเอากาแฟออกไป

"เปล่าหรอก" แบบนี้ผู้ชายรู้กัน ถึงแม้จะไม่แสดงอะไรออกมาแต่ก็คงมีบ้างแล้วแหละ

พอทานข้าวเสร็จทั้งสามก็เดินออกมาจากโรงอาหารพร้อมกัน

"นั่นแม่หนุงหนิงนี่" ของขวัญสะกิดจ๊ะเอ๋ให้มองไปดู ..พอเห็นว่าเป็นหนุงหนิงจ๊ะเอ๋ก็เลยมองดูหน้าสามี แต่ดูเหมือนพระรามจะไม่ได้สนใจ ที่จะเอ๋มองดูหน้าพระรามเพราะเห็นว่าหนุงหนิงกำลังเดินไปกับผู้ชาย

ชั้นผู้บริหาร..

จ๊ะเอ๋และพระรามออกจากลิฟต์ตรงชั้นที่ตัวเองทำงาน ส่วนของขวัญก็ขึ้นมาจนถึงชั้นบน

เขาทานข้าวกลับมาหรือยัง ..หญิงสาวยืนมองประตูห้องของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นประตูห้องก็ค่อยๆ ถูกเปิดออกมา จนของขวัญที่ยืนจ้องอยู่หลบสายตาคนที่เปิดไม่ทัน

"ขะ..คุณยังไม่ออกไปทานข้าวเที่ยงอีกเหรอคะ" ทีแรกคิดว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง เพราะนี่ก็ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว

"ยัง" ตอบออกไปด้วยท่าทางที่งัวเงีย

"คุณยังสบายดีอยู่ไหม"

"ไม่ได้เป็นอะไร"

"ฉันขอโทษ" หญิงสาวกล่าวคำขอโทษเบาๆ และจังหวะนั้น เพื่อนร่วมงานก็ทยอยกันขึ้นมาก็เลยไม่ได้คุยอะไรกันอีก

ที่พระลักษณ์มีท่าทางงัวเงียเพราะกินยาแก้แพ้เข้าไปก็เลยหลับ

เย็นวันเดียวกัน..

ก๊อก ก๊อก

"เข้ามา" คนที่อยู่ในห้องไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหรอกว่าเป็นใครที่มาขอพบ เพราะช่วงเช้ามัวแต่นอน ก็เลยต้องได้รีบเคลียร์งานของวันนี้ให้เสร็จ

"คุณดีขึ้นบ้างไหมคะ" ก่อนกลับบ้านของขวัญก็เลยเข้ามาดู เพราะถ้าไม่เห็นกับตาคงไม่สบายใจทั้งคืนแน่

พอได้ยินว่าเป็นเสียงของใคร เขาก็เลยเงยหน้าขึ้นมามอง

"ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ทำงานต่อ

"ขอโทษค่ะที่เข้ามารบกวน" เพราะดูเหมือนว่างานของเขาจะยุ่งมาก

ก๊อก ก๊อก จังหวะที่พระลักษณ์กำลังจะบอกว่าเธอไม่ได้มารบกวนหรอก เขาใกล้จะเสร็จงานแล้ว ก็ได้มีคนมาเคาะประตูก่อน

"เข้ามาครับ"

"ผู้จัดการขา ใกล้เวลานัดของเราแล้วนะคะ"

"ไม่อะไร"

"ไม่อยากไปเป็นก.ข.ค.ง.ใคร"

"คุณไม่คิดจะไปทำหน้าที่ของตัวเองหน่อยเหรอ"

"ทำหน้าที่?"

[ร้านอาหารหรู]

โต๊ะที่มัลลิกาเลือกนั่งก็คือโต๊ะอยู่ในห้องรวมกับแขกอีกหลายคน เพราะถ้าเลือกห้อง vip กลัวว่าคนอื่นจะไม่เห็น

"คุณพระลักษณ์คะ" เมื่อเห็นว่าพระลักษณ์เดินมา มัลลิกาก็ใจชื้นขึ้นมาก แถมยังเรียกเขาเสียงดังเพื่อให้หันมามองว่าตัวเองนั่งอยู่โต๊ะไหน จนคนนั่งอยู่แถวนั้นมองมาเช่นกัน

ทำไมเรื่องคืนนั้นมัลลิกาจะไม่รู้ เพราะอยู่ในงานเลี้ยงด้วยกัน และรู้ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้จะรู้ไม่ลึกมาก แต่ก็พอจะรู้ว่าผู้จัดการติดกับดักเธอคนนั้น จนต้องได้แกล้งทำเป็นมีข่าวด้วยกัน ..ในเมื่อของขวัญทำได้ ทำไมมัลลิกาจะทำไม่ได้

"เชิญนั่งค่ะคุณพระลักษณ์" วันนี้มัลลิกาไม่ได้เรียกเขาว่าผู้จัดการเพราะมันจะดูห่างเหิน ก็เลยพูดแบบเป็นกันเอง และคิดว่าผู้ชายทุกคนก็คงเหมือนกัน เห็นผู้หญิงให้ท่าหน่อยก็คงจะเอา

"ทำไมคุณยังไม่สั่งอาหารล่ะ" ชายหนุ่มเดินมานั่งลงมองดูว่าที่โต๊ะนี้มีแค่เชิงเทียนและเครื่องดื่ม

"ก็รอคุณอยู่ไงคะ คุณชอบอาหารแบบไหนคะ ลิกาจะได้รู้ไว้"

"ผมก็กินได้ทุกอย่าง"

"จริงหรือคะ ดีจังเลยลิกาก็กินได้หมดทุกอย่างเหมือนกันค่ะ ถ้างั้นเราสั่งเลยนะคะ" มัลลิกาชูมือขึ้นเรียกพนักงานเสิร์ฟที่รอสแตนด์บายอยู่แล้ว

นั่งรออยู่ครู่หนึ่งอาหารที่สั่งไปก็เริ่มทยอยมาวางลงบนโต๊ะ

"ลิกานำเสนออาหารจานนี้เลยค่ะ" มัลลิกาทำเหมือนว่าอาหารจานนี้เป็นอาหารโปรดของเธอ และทำเหมือนว่าตัวเองมาทานร้านนี้บ่อยๆ "เดี๋ยวลิกาตักให้นะคะ" ว่าแล้วมัลลิกาก็เอื้อมไปตัดอาหารจานนั้น วางใส่จานตรงหน้าของพระลักษณ์โดยที่ไม่รอให้เขาตอบ

แชะ แชะ ทันใดนั้นแสงแฟลตก็สาดส่องมาตรงที่ทั้งสองคนนั่งอยู่

"อุ๊ย!" มัลลิการีบวางช้อนลงแบบตกใจ "นักข่าวนี่คะ??"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน