เหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนหวนเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง เธอเหมือนกับแม่ของปะการัง ปานฤทัยเกลียดทุกอย่างที่เป็นที่นี่ ทั้งสายลม แสงแดด ไอฝน หรือแม้กระทั่งต้นไม้ หล่อนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ช็อปปิ้ง ไม่ได้ทานข้าวร้านหรูหรา ไม่ได้แต่งตัวสวยๆ
เรื่องเงินไม่ได้เป็นอุปสรรค สำหรับผู้หญิงที่เขารักเขายอมทุ่มเททุกอย่างให้ แต่ที่กลัวคือความเข้าใจ...ถ้าชอบไม่เหมือนกัน พอนานเข้าความเข้าใจก็ยิ่งจะแยกรอยห่างขึ้น เวลาของเขา กับความต้องการของหล่อนสวนทาง ในที่สุดปานฤทัยก็เลือกชีวิตสวยหรูอย่างสาวสังคมเมือง ทิ้งลูกวัยเพียงไม่กี่เดือนไป
หลังจากเดินไปส่งศยามลนายหัวหนุ่มก็เดินเลี่ยงออกไปทันที โดยอ้างว่าขอทำงานสักพัก ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะทำงานอย่างเหนื่อยล้า
มือใหญ่เปิดลิ้นชักหยิบเอกสารที่พลอยขวัญทิ้งเอาไว้ขึ้นมาเปิดดู มองเอกสารขอจดทะเบียนหย่ากับทะเบียนสมรสสลับกันอย่างอย่างหนักใจ ปล่อยให้เวลาผ่านไปสักพักที่เขานั่งมองมันอยู่อย่างนั้น ที่สุดเขาก็สอดมันกลับลงในซองเหมือนเดิม พร้อมกับเปิดลิ้นชักเก็บเอาไว้
พลันสายตาของเขาก็มองเห็นซองเอกสารอีก 1 ซอง ที่ซ้อนทับอยู่ด้านล่างสุด เอกสารที่เมื่อสองเดือนก่อนเขาไม่คิดจะเปิดดู เขามองมันอย่างชั่งใจก่อนที่จะใช้กรรไกรตัดมันออกมา
ด้านในมีชุดเอกสารสองชุด ชุดแรกมีชื่อศยามล กนกนาราย แปะอยู่หน้าแรก และอีกชุดมีรูปภาพที่เขาส่งไปให้สำนักงานนักสืบ
และแน่นอนว่าเจ้าของชื่อกับเจ้าของรูปภาพเป็นคนละคนกัน แต่ทั้งคู่ต้องมีเหตุพัวพันมาเป็นเมียของเขา
“ตุ๊ดๆๆ” เสียงโทรศัพท์สายที่สิบของวันถูกตัดไป เขาเฝ้าโทรหาพี่ชายทั้งวัน ความสงสัยทำให้เขาไม่อาจอดทนรอ ต่อสายถึงมารดาไปด้วยอีกคน แต่นางก็ยังยืนยันว่าจะจัดงานแต่งงานให้พี่ชายของเขา
เหตุนี้ทำให้กริชเฝ้าต่อสายหาพี่ชายนับสิบครั้ง แต่ผลตอบรับกลับมาก็ยังเป็นเหมือนเดิม นายหัวกรินยังคงรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ โทรศัพท์สำหรับสังคมเมืองคงเป็นปัจจัยที่ห้า แต่สำหรับนายหัวหนุ่ม มันไม่มีค่าเลยแม้แต่นิดเดียว
กริชเดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน ไม่เพียงแค่เจ้าสาวของพี่ชายไม่ได้อยู่ด้วยในวันแต่งงาน แต่หญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในสภาพอิดโรยขาดการพักผ่อน และยังไข้ขึ้นสูงคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
พลอยขวัญปรือตาตื่นกลอกสายตามองเพดาน ที่นี่ไม่ใช่บ้านที่เธออยู่หรือโรงพยาบาลที่ยายรักษาแน่นอน อาการปวดมึนเสมือนแบกรับสิ่งที่หนักอึ้งราวแท่นศิลาแลงกดทับเอาไว้ หญิงสาวยกมือขึ้นกดนวดวนระหว่างคิ้วและข้างขมับเบาๆ หวังช่วยลดความปวดหนึบให้สมองรู้สึกปลอดโปร่งโล่งขึ้น พยายามครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
แต่ทว่า...มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย อาการปวดตึงเหมือนเกลียวเชือกขมวดปมเป็นกลุ่มก้อน มันเต้นตุบๆ จนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง กับอาการผะอืดผะอมวิงเวียนที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นได้
พลอยขวัญสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อคลายความเครียดขึงบนเส้นประสาท ปิดตาหลับลงอีกครั้ง สองฝ่ามือบีบกดขมับแน่น เพื่อลดแรงกระแทกปวดตึง ปล่อยเวลาพ้นผ่านไปช้า ๆ เมื่อรู้สึกดีขึ้น เปลือกตาหนักเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมแพขนตางอนกะพริบถี่ๆ ปรับม่านตาให้เปิดรับแสงจากหลอดไฟยาวในห้อง
“ที่นี่...ที่ไหนกัน” เสียงเบาระโหยเหมือนกับถามตัวเองกวาดสายตามองรอบห้องสัมผัสกับบุคคลที่ใช้อากาศหายใจร่วมห้องกับเธอ
ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลายิ้มบางๆ ให้เธอ หญิงสาวสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาเลือนราง แต่พอจะจำโครงหน้าออก โครงหน้าของเขาคล้ายสามีของเธอจนแยกไม่ออก จะแตกต่างตรงที่เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งผู้บริหารโรงแรมที่อยู่ในเมืองเป็นหลัก ผิวพรรณจึงแตกต่างจากนายหัวกรินไป
คิ้วบางของคนบนเตียงขมวดมุ่นตกใจ “คุณ!”
หญิงสาวรีบยันตัวลุกพรวดพราดจะลุกขึ้นจากหมอนใบนุ่ม แต่ด้วยความหนักอึ้งของศีรษะกับความอ่อนแอของร่างกาย ทำให้พลอยขวัญไร้เรี่ยวแรงทรุดลงที่เดิม
“อย่าเพิ่งลุกครับ” ชายหนุ่มรีบปรี่มารับ จับตัวหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน สภาพร่างกายของเธออ่อนแอมากจนเสี่ยงต่อการแท้ง แพทย์เจ้าของไข้ขอร้องให้คนป่วยนอนพักนิ่งๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มายาบรรณาการ