Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 33

สรุปบท บทที่ 33: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม

สรุปตอน บทที่ 33 – จากเรื่อง Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดย ShanLiangdeMiFeng

ตอน บทที่ 33 ของนิยายMartialเรื่องดัง Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดยนักเขียน ShanLiangdeMiFeng เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

  "บ้าไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” คราวนี้อย่าว่าแต่คนในสกุลฉู่เลย แม้แต่คนนอกที่ไม่เคยรู้จักฉู่เฟิงมาก่อนก็พากันจับจ้องไปที่ฉู่เฟิง

  "ไอ้หนุ่มน้อยคนนั้นคือใครกัน ทำไมคู่ต่อสู้ยอมแพ้ติดต่อกันตั้งสองคน"

  "ไม่รู้สิ แต่ดูจากชุดแต่งกายน่าจะเป็นศิษย์สำนักมังกรคราม แต่ข้าติดตามงานการชุมนุมประจำตระกูลฉู่มาหลายปี ไม่เคยเห็นเจ้าหนุ่มคนนี้เลย"

  "ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ ยังไม่ทันประมือคู่ต่อสู้ก็ยอมแพ้เสียแล้ว วันหน้าต้องอนาคตไกลเป็นแน่"

  สายตาทุกคู่ต่างหยุดที่ฉู่เฟิง พวกมันต่างคาดเดาเกี่ยวกับฉู่เฟิงไปต่าง ๆ นานา

  "ถุย ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย ก็แค่ขยะประจำ ตระกูล" คนสกุลฉู่ที่เกลียดชังฉู่เฟิงถึงกับสบถให้ทุกคนได้ยิน

  "แล้วเจ้ารู้จักไอ้หนุ่มคนที่อยู่บนเวทีรึ?" ชายร่างใหญ่คนหนึ่งแสดงความกังขา

  "ทำไมจะไม่รู้จัก ข้าเป็นคนสกุลฉู่นะ ต้องรู้จักอยู่แล้ว สวะยังไงก็คือสวะ"

  "ฮ่า ๆ ข้าว่าพี่ชายท่านนี้ต้องมีอคติกับเจ้าหนุ่มนั่นแน่เลย อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ ท่านก็ไม่ใช่เด็กแล้ว เลิกมีอคติกับเด็กมันเถอะ" ชายร่างใหญ่ถึงกับหัวเราะ

  "อะไร เจ้าจะหาว่าข้าพูดจาให้ร้ายมันงั้นรึ? ข้าพูดความจริงต่างหาก" คนสกุลฉู่ผู้นั้นยังไม่ยอมลดราวาศอก

  "เช่นนี้ดีกว่า ข้าขอพนันกับเจ้า ถ้ารอบต่อไปเจ้าหนุ่มคนนั้นแพ้ เงินสองตำลึงของข้าจะเป็นของเจ้า แต่ถ้ามันชนะ เจ้าก็ต้อง..." ชายร่างใหญ่ควักเงินสองตำลึงออกมาวางเดิมพันทันที

  “กลัวเจ้าที่ไหน ข้ารับคำท้า" คนสกุลฉู่ควักเงินสองตำลึงออกมาวางเดิมพันด้วย มันยังมั่นใจว่านี่คือลาภลอย เดิมพันนี้มันต้องกินเรียบเห็น ๆ

  "ข้ายอมแพ้" ยังไม่ทันหันกลับไปดูบนเวที คำพูดที่น่าประหลาดใจก็ดังขึ้นอีกครั้ง

  คราวนี้คนสกุลฉู่ที่สบประมาทฉู่เฟิงถึงกับต้องอ้าปากค้าง เพราะคนที่สามที่ยอมแพ้ฉู่เฟิงในวันนี้คือฉู่เกา

  "บ้าเอ๊ย มันเป็นไปได้อย่างไรวะเนี่ย?" ความจริงที่อยู่ตรงหน้าทำเอามันแทบบ้า

  "พี่ชายท่านนี้ ขอโทษทีนะ ท่านแพ้พนันข้าแล้ว" ชาย ร่างใหญ่ย่อมไม่ต้องเกรงใจ คว้าเงินสองตำลึงไปจากมือของคนสกุลฉู่ทันที

  เมื่อเห็นเงินสองตำลึงถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา มันเจ็บแค้นจนหน้ามืด "แน่จริงลองพนันกันอีกยกสิ คราวนี้ข้าเดิมพันสามตำลึง"

  "เอาสิ ข้ากลัวเจ้าที่ไหนกัน" ชายร่างใหญ่รับปากทันควัน

  "ช้าก่อนพี่ชายทั้งสอง ขอข้าร่วมวงด้วยสิ ข้าพนันข้างไอ้หนุ่มที่เพิ่งชนะ"

  "ข้าเอาด้วย ข้าพนันข้างไอ้หนุ่มคนนั้นเช่นกัน" พริบตาเดียววงพนันข้างเวทีการประลองคึกคักขึ้นมาทันที

  "มาเลย ๆ มีใครอีก วันนี้ข้าสู้หมดหน้าตัก" ว่าแล้วคนสกุลฉู่ก็เทเงินออกมาหมดกระเป๋า รวมกันแล้วหลายสิบตำลึง

  ไม่นึกไม่ฝันว่าการชนะแบบไม่ต้องเสียแรงของฉู่เฟิงจะ ทำให้ผู้ชมข้างเวทีอลหม่านถึงเพียงนี้

  อย่าว่าแต่คนในสกุลฉู่เลย แม้แต่คนนอกก็พากัน วิพากษ์ วิจารณ์อย่างออกรส คาดเดาฐานะที่แท้จริงของฉู่เฟิง ไปต่าง ๆ นานา

  ผู้คนรู้จักฉู่กูหยวี่และฉู่หงเฟยอย่างดี เพราะสองคนนี้คือทายาทรุ่นหลานระดับแถวหน้าของสกุลฉู่ แต่ฉู่เฟิงคือใครกัน?

  ฝ่ายฉู่เฟิงก็เริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะอย่างไรเสียมันก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้เกิดเรื่องอลหม่านถึงเพียงนี้ มันแค่ต้องการ พิสูจน์ฝีมือตัวเองผ่านการประลองในการชุมนุมประจำตระ กูล เพียงเท่านั้น

  ในขณะที่ฉู่เฟิงเริ่มกังวลใจ บนเวทีประลองปรากฏเงาร่างอรชร เมื่อมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นฉู่เสว่นั่นเอง

  "ท่านพี่ฉู่เฟิง ยินดีด้วยนะ ชนะรวดสี่ครั้งเชียวนะ" ฉู่เสว่ยิ้มให้

  "เจ้านับผิดแล้ว ข้าเพิ่งจะชนะแค่สามครั้ง..." ฉู่เฟิงกล่าว ติดตลก แต่นึกอีกทีก็ชักจะไม่แน่ใจ "เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าเจ้าคือคู่ต่อสู้คนต่อไป... คือเจ้า"

  ฉู่เสว่เห็นสีหน้างุนงงของฉู่เฟิงแล้วถึงกับขำ นางหันไปมองผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ใต้เวทีแล้วกล่าวว่า "ข้าก็ขอยอมแพ้"

  "หืมมมมม?"

  ไม่กี่วันเชื่อว่าคงบรรลุถึงห้วงที่ห้าได้ไม่ยาก แต่แพ้ก็คือแพ้ นางรู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ที่จะโต้แย้ง

  "ฉู่สวิน ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าอายุมากกว่าพี่ฉู่เยว่หนึ่งปี พี่ชายรังแกน้องสาว มันน่าภูมิใจนักหรือ?" เสียงตำหนิดังขึ้นจากใต้เวที

  ฉู่เยว่หันไปตามเสียง เมื่อเห็นฉู่เฟิงกำลังเดินตามผู้อาวุโสที่ควบคุมการประลอง มันก็ถึงกับยิ้มออกมา

  "ฉู่เฟิง เจ้าคือคู่ต่อสู้คนต่อไปหรือ?" เมื่อเห็นฉู่เฟิง ฉู่สวินถึงกับตื่นเต้นดีใจอย่างออกนอกหน้า เพราะมันรอเวลาที่จะสั่งสอนฉู่เฟิงมานานแล้ว

  "กลัวหรือไง ยอมแพ้ตอนนี้ยังทันนะ" ฉู่เฟิงตอบสั้น ๆ

  "ถุย ถ้าวันนี้ข้าไม่สามารถซ้อมเจ้าจนอึราดกางเกง ก็ถือว่าเจ้าโชคดีที่สุดแล้ว" ฉู่สวินกล่าวเหยียดหยามและกระโจนกลับขึ้นเวทีประลองทันทีพร้อมชี้หน้าฉู่เฟิง

  "รีบ ๆ คลานขึ้นมาเลย"

  "น้องฉู่เฟิง เจ้ามั่นใจหรือ?" ฉู่เยว่รู้สึกกังวล เพราะนาง มั่นใจว่าฉู่สวินจะไม่ออมมือเด็ดขาด

  "วางใจเถอะท่านพี่ คนพรรค์นี้ ข้าขอแค่กระบวนท่าเดียว" ฉู่เฟิงยิ้ม พร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่เวทีประลอง

  ทันใดนันฉู่เยว่ก็ดึงแขนของฉู่เฟิงไว้ และถามเบา ๆ ว่า "น้องฉู่เฟิง อันดับหนึ่งในการคัดเลือกศิษย์ฝ่ายใน คือเจ้าใช่ไหม?"

  ฉู่เฟิงรู้สึกลังเลที่ต้องบอกความจริง แต่เมื่อเห็นสายตาที่กระหายในคำตอบของฉู่เยว่ ก็ไม่อาจทำใจที่ต้องโกหก นาง มันพยักหน้าให้นาง แล้วกระโจนขึ้นเวทีประลองทันที

  เท่านั้นเอง ฉู่เยว่ถึงกับหัวใจพองโต นางพยายามข่ม ความปิติยินดีไว้ แต่ใจของนางเต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่

  แม้ว่าฉู่เฟิงจะสารภาพความจริงที่นางคาดเดาคำตอบไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความปิติยินดีของนางลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

  นางเงยหน้าขึ้นมองฉู่สวินที่ยังหน้าระรื่นไม่รู้สึกรู้สา แล้วถึงกับอดยิ้มไม่ได้ ยามนี้นางชักจะเริ่มสงสารฉู่สวินขึ้นมาเสียแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม