Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 32

สรุปบท บทที่ 32: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม

สรุปเนื้อหา บทที่ 32 – Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดย ShanLiangdeMiFeng

บท บทที่ 32 ของ Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ในหมวดนิยายMartial เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

  "ฉู่เฟิง ข้าจะฆ่าเจ้า" ทันทีที่เห็นฉู่เฟิง ฉู่สวินรู้สึกราวกับกองไฟที่ถูกราดด้วยน้ำมัน มันถึงกับบันดาลโทสะ ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที พลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้าแผ่กระจายออกมา มันไม่สนทุกสายตาที่กำลังจับจ้อง กระโจน ข้ามฝูงชนเข้าหาฉู่เฟิงทันที สิ่งที่เดียวที่คิดในใจตอนนี้คือปลิดชีพฉู่เฟิงเสีย

  "ใครกล้าล่วงเกินน้องข้า"

  ยังไม่ทันเข้าถึงตัวฉู่เฟิง เสียงคำรามกึกก้องก็ดังขึ้นพร้อมกับพายุลมปราณที่แข็งแกร่งเข้าปะทะร่างของฉู่สวินจน เซถลาล้มกลิ้งลงบนพื้น

  "ฉู่กูหยวี่ เจ้า!"

  ฉู่สวินทั้งเจ็บใจและตกใจ ไม่นึกว่าชาวหนุ่มคมเข้มผู้หนึ่งจะเข้ามาขัดขวางกระทันหัน และมันไม่ใช่ใครอื่น ฉู่กูหยวี่ พี่ชายของฉู่เฟิงนั่นเอง

  ไฟโทสะของฉู่สวินเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นจากขั้วโลก มันดับลงไปในทันที เพราะใครเล่าจะมิล่วงรู้ว่าในบรรดา รุ่นหลานของสกุลฉู่ ฉู่กูหยวี่คือผู้มีพลังยุทธ์เหนือใคร ๆ

  มันย่อมเป็นคนที่ฉู่สวินไม่อาจล่วงเกินอย่างแน่นอน

  "ฉู่สวินเจ้าฟังข้าให้ดี ถ้ากล้าแม้แต่จะคิด ข้าจะทำให้เจ้าพิการเสีย"

  ฉู่กูหยวี่ชี้หน้าฉู่สวิน เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ฉู่เฟิงพลัน รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว ตั้งแต่เด็กเมื่อใดที่มีคนคิดจะรังแกตน ฉู่กูหยวี่คือคนแรกที่ก้าวออกมาปกป้องมันเสมอ และในวันนี้ พี่ใหญ่คนนี้ดูพึ่งพาได้ยิ่งกว่าวันวานเสียอีก

  "แหม ๆ ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก ไม่เจอกันหลายปีพี่น้องคู่นี้กำแหงขึ้นมากทีเดียว" ทันใดนั้นน้ำเสียงแหลมแสบ ทรวงอันเป็นเอกลักษณ์ก็ดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นคน รุ่นหลานของสกุลฉู่กลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา คนที่เดินนำ อยู่ข้างหน้านั้นใบหน้าขาวซีด แค่ดูจากบุคลิกภายนอกก็รู้ว่าเป็นคนร้ายกาจ

  ฉู่กูหยวี่และฉู่เฟิงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตผุดขึ้นมาในใจ ฉู่เฟิงไม่เคยลืมใบหน้าของคน ผู้นี้ คนที่เคยทำร้ายพวกมันสองพี่น้อง และซ้ำเติมด้วยการ ดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งคู่ตั้งแต่เล็กจนโต… ฉู่หงเฟยนั่นเอง

  "ฉู่หงเฟยเป็นเจ้าจริง ๆ บัญชีครั้งเก่าก่อนเราสองคนยังไม่ได้สะสางเลยนะ" ฉู่กูหยวี่กล่าวด้วยแววตาคับแค้น

  "เฮ้อ ไปอยู่สำนักเมฆาหลายปีเจ้าก็ยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความเกรี้ยวกราดสินะ อย่าหลงระเริงกับสมญานามอันดับหนึ่งของรุ่นหลานเลย ถามจริง เจ้าเคยเอาชนะข้าได้สักครั้งหรือ?" ฉู่หงเฟยจ้องมองฉู่กูหยวี่ด้วยสายตาหยามหยันเช่นเคย

  "ข้าจะเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นหลานจริงหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้" น้ำเสียงของฉู่กูหยวี่แข็งกร้าวขึ้น คนรอบข้างรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาอย่างช้า ๆ ความอดทนของฉู่กูหยวี่กำลังจะถึงขีดสุด

  "ก็ดี มีความมุ่งมั่นดี แล้วเจ้าล่ะฉู่เฟิง?" ฉู่หงเฟยกวาดสายตามาทางฉู่เฟิง

  "ได้ข่าวว่าเจ้าไปขลุกอยู่ในสำนักชั้นรองอย่างสำนักมังกรครามตั้งห้าปีใช่ไหม?" "เจ้านี่ช่างโง่เขลานัก ที่แบบนั้นอยู่ทำไมตั้งห้าปี แม้เจ้าไม่ใช่หน่อเนื้อเชื้อไขของสกุลฉู่ด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก็น่าจะรักษาชื่อเสียงของสกุลฉู่บ้าง ทำแบบนี้ไม่ขายขี้หน้าชาวบ้านรึ? เอาล่ะ ข้าเตือนด้วยความหวังดี ตอนที่ลงประลองในงานชุมนุมประจำตระกูลฉู่ จงภาวนาอย่าได้เจอกับข้าก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าสองคนจะได้อับอายเหมือนเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว"

  ฉู่หงเฟยยังพล่ามต่อ "และอีกเรื่องหนึ่ง จงสำเหนียกไว้ด้วยว่าตำแหน่งเจ้าสกุลจะต้องเป็น ของพ่อข้าฉู่หนานซาน อย่างแน่นอน เพราะอะไรรู้ไหม ก็เพราะว่าเขามีลูกชายสุด

  ประเสริฐอย่างข้าไงล่ะ ฮ่า ๆ" พูดจบฉู่หงเฟยก็พาเหล่าลิ่วล้อของตนเดินไปที่โต๊ะลงชื่อสำหรับการประลองยุทธ์ทันที

  ในขณะที่ฉู่กูหยวี่กำลังจะตามไปเอาเรื่องกลับถูกรั้งชายเสื้อไว้ พอหันกลับมามองปรากฏว่าเป็นฉู่เฟิงนั่นเอง

  "พี่ใหญ่ ท่านไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืดกับคนประเภทนี้หรอก ไว้ตอนประลองค่อยได้รู้กัน" ฉู่เฟิงกล่าวด้วยท่าทีสงบ

  ฉู่กูหยวี่รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง มันรู้สึกแปลก ๆ มาสักระยะหนึ่งแล้ว เพราะน้องชายของมันมิใช่คนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไป แต่ก็ไม่อาจระบุได้อย่างชัดเจนว่า อะไรในตัวฉู่เฟิงที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ที่แน่ๆ ฉู่เฟิงในวันนี้มีความลึกซึ้งที่ยากแท้ หยั่งถึง

  เมื่อฉู่หยวนป้ากล่าวสุนทรพจน์ตามพิธีรีตรองเรียบ ร้อยแล้ว ทายาทรุ่นหลานของสกุลฉู่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนขบวน

  เข้ามาในลานแสดงยุทธ์ กิจกรรมแรกของงานชุมนุมประจำ ตระกูลฉู่กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้ว

  "ไอ้ลูกบ้า เจ้าพูดอะไรออกมา ยังไม่ทันเริ่มประลองเลย จะยอมแพ้ได้อย่างไร?”

  เสียงร้องโวยวายแว่วมาแต่ไกล ไม่น่าแปลกใจที่เจ้า ของเสียงคือบิดาของฉู่เจิน แม้ถูกบิดาตำหนิต่อหน้าผู้ชม มากมาย แต่ฉู่เจินกลับเอาแต่ยืนตัวแข็ง แถมกลับหลังหันเดินออกจากเวทีทันที

  "นี่มัน... เรื่องอะไรกัน"

  สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าการหักพู่กันเซียน เพราะการยอมแพ้ดื้อๆ แบบนี้ เป็นเรื่องที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยในงานชุมนุม ประจำตระกูลฉู่ที่ผ่านมาอีกด้วย ที่สำคัญคนยอมแพ้คือฉู่เจิน ส่วนคู่ต่อสู้คือคนไม่เอาไหนที่ชื่อฉู่เฟิง

  "เป็นไปได้อย่างไร? ฉู่เจินต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ? สมองมันมีปัญหาหรืออย่างไร? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?"

  ผู้ชมทั้งหมดต่างถึงกับพูดอะไรไม่ออก ไม่มีใครรู้ว่าทำไมฉู่เจินถึงตัดสินใจเช่นนี้ แม้แต่ฉู่หยวนป้าที่นั่งเป็น ประธานในพิธีก็ถึงเก็บสีหน้าไม่อยู่ ผู้เฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาบ่งบอกถึงความฉงนสงสัยอย่างที่สุด

  "รอบนี้ ผู้ชนะคือฉู่เฟิง" ผู้ประกาศผลการประลองต้องทำหน้าที่โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อสิ้นเสียงประกาศ บรรดาผู้ชมได้แต่ตะลึงงันไปตาม ๆ กัน ฉู่เฟิงกลายเป็นผู้ชนะของการประลองคู่แรกอย่างรวดเร็ว

  เมื่อการประลองรอบแรกจบลง ฉู่เฟิงถูกจัดลำดับเข้า สู่เวทีประลองอันดับต่อไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมันมองขึ้นไปบนเวที มันก็แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ คู่ต่อสู้คนที่สองของ มันคือฉู่เฉิงพี่ชายของฉู่เจินนั่นเอง

  ฉู่เฉิงเองก็ถึงกับหน้าซีด สบถในใจ "นี่มันวันซวยอะไรขนาดนี้ ทำไมต้องเป็นเราสองพี่น้องด้วย ปัดโธ่!"

  แม้จะเจ็บใจอย่างที่สุด แต่ฉู่เฉิงรู้ดีกว่าถ้าประมือกับ ฉู่เฟิงตอนนี้ ผลที่ออกมาก็ไม่แตกต่างจากที่มันเคยพลาดท่าเสียทีอย่างสุดช้ำมาแล้ว เมื่อคิดเช่นนั้นฉู่เฉิงก็ตัดสินใจกระทำ ในสิ่งที่ชาวสกุลฉู่ต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง

  “ข้า... ขอยอมแพ้!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม