Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 31

สรุปบท บทที่ 31: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม

ตอน บทที่ 31 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 31 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

  "ช่างคึกคักเหลือเกิน"

  บรรดาสมาชิกของสกุลฉู่เพิ่งจะเข้าสู่ลานแสดงยุทธ์ไม่นาน ก็มีขบวนม้ากลุ่มใหญ่เคลื่อนเข้ามาในบริเวณงานอย่างเอิกเกริก

  "สกุลสวี่จากตำบลหลีซู่ (ต้นสาลี่)"

  "ทั้งสองตระกูลไม่ถูกกันนี่นา? ทำไมพวกมันยังกล้ามา ที่นี่ ในเวลาเช่นนี้?"

  ผู้คนต่างรู้จักสกุลสวี่อย่างดี เพราะพวกมันคือกลุ่มอิทธิพลที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับสกุลฉู่มาช้านาน

  สกุลสวี่เป็นผู้มีอิทธิพลในตำบลที่ติดกัน เพื่อช่วงชิงแหล่งทรัพยากร พวกมันจึงมีเรื่องบาดหมางกับสกุลฉู่อยู่บ่อยครั้ง หลายคนค่อนข้างมั่นใจว่าสักวันหนึ่งเรื่องราวต้องบาน ปลายจนกลายเป็นสงครามระหว่างสองตำบล

  ในเวลาแบบนี้ สกุลสวี่พากำลังคนมามากมายขนาดนี้ ผู้คนต่างมั่นใจว่าต้องมาเพื่อก่อกวนอย่างแน่นอน

  "สวี่เฉียง วันนี้เป็นวันสำคัญของสกุลข้า เจ้ามาทำไม?" เมื่อเห็นเช่นนั้น บุตรคนโตในรุ่นทายาทสืบทอดอำนาจของสกุลฉู่ นามว่าฉู่เหรินอี้ ซึ่งเป็นบิดาของฉู่เวย นำกำลังคนเข้า ไปขัดขวางทันที

  "ฉู่เหรินอี้ เจ้าจะตื่นเต้นไปใย ข้าก็แค่ผ่านมานั่งชมเฉย ๆ" ชายฉกรรณ์นามสวี่เฉียงตอบอย่างไม่ยี่หระ ราวกับไม่เคยเห็นฉู่เหรินอี้ในสายตา

  สวี่เฉียงเป็นบุตรคนโตในรุ่นทายาทสืบทอดอำนาจของสกุลสวี่ แต่สถานะของมันในตอนนี้แตกต่างจากฉู่เหรินอี้เล็กน้อยตรงที่มันถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสกุลเป็นที่เรียบร้อย และที่สำคัญมันเป็นยอดฝีมือที่บรรลุทิพย์ยุทธ์ขั้นที่เก้าแล้วด้วย

  ในสายตาของมัน ฉู่เหรินอี้ไม่ได้อยู่ในฐานะทัดเทียมกับมันเลยแม้แต่น้อย บุคคลเดียวที่อยู่ในฐานะเท่าเทียมกับมันในตอนนี้คือเจ้าสกุลคนปัจจุบันอย่างฉู่หยวนป้า

  "งานชุมนุมประจำตระกูลฉู่ ไม่ต้อนรับชาวสกุลสวี่ กลับไปซะ!" ฉู่ยวนก็เข้าไปขวางเช่นกัน

  "อะไรกัน สกุลฉู่ไม่เหลือผู้ใหญ่แล้วหรือ ถึงได้ส่งพวกเจ้ามาเจรจากับข้า" ทันใดนั้นสวี่เฉียงก็ชักสีหน้า ลมปราณระดับทิพย์ยุทธ์ขั้นที่เก้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ

  ฉู่เหรินอี้ถึงกับขมวดคิ้ว มันรู้ดีว่าด้วยระดับทิพย์ยุทธ์ห้วงที่แปดของตนไม่อาจต่อกรกับพลังยุทธ์ของฝ่ายสวี่เฉียงได้เลย ในช่วงคับขันนี้เองฉู่ยวนเดินเข้าไปประจัญหน้าสวี่เฉียงทันที

  "น้ำหน้าอย่างเจ้า ข้าฉู่ยวนคนเดียวก็เพียงพอ"

  สิ้นวาจาฉู่ยวนเปล่งพลังยุทธ์ทันที พลังยุทธ์อันไร้รูปถูกขับออกมา ต้านพลังยุทธ์ของฝ่ายสวี่เฉียงออกไป และยังคืบคลานเข้าใกล้กลุ่มผู้ติดตามของสวี่เฉียงด้วย

  สวี่เฉียงไม่ทันได้ตั้งตัว แม้สามารถฝืนต้านพลังยุทธ์ของฉู่ยวนไว้ได้ แต่เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าผู้ติดตามของตนถูกพลังยุทธ์ของฉู่ยวนปะทะจนเซถอยทั้งคนทั้งม้า

  "ทิพย์ยุทธ์ห้วงที่เก้า?" สวี่เฉียงถึงกับสะท้านในใจ มันไม่คาดคิดว่าฉู่ยวนจะบรรลุทิพย์ยุทธ์ห้วงที่เก้าด้วย และยังรู้ สึกได้ว่าพลังยุทธ์ของฉู่ยวนอาจสูงกว่าตนด้วยซ้ำ

  "ทิพย์ยุทธ์ห้วงที่เก้า นี่ขนาดทายาทลำดับที่ห้าของสกุลฉู่ยังห้วงที่เก้าเลยนะ!"

  "ร้ายกาจจริง ๆ บรรลุห้วงที่เก้าด้วยอายุเพียงเท่านี้ เห็นทีตำแหน่งเจ้าสกุลคนต่อไปต้องเป็นมันแล้วล่ะ" ผู้มีวรยุทธ์ที่อยู่รายรอบต่างพากันทึ่งในสิ่งที่เห็น

  แม้แต่เจ้าสกุลฉู่หยวนป้าก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป ความชื่นชมเสี้ยวหนึ่งเผยให้เห็นในแววตา

  "น้องห้า เจ้าบรรลุทิพย์ยุทธ์ห้วงที่เก้าตั้งแต่เมื่อไร?" ฉู่เหรินอี้ถามด้วยความตื้นตัน

  "พี่ใหญ่ ข้าเพิ่งจะบรรลุเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง" ฉู่ยวนยิ้มตอบ มันมีความเคารพในตัวพี่ใหญ่ของตนเสมอ

  "ดีมากเลย ในที่สุดก็มีคนบรรลุถึงห้วงนี้ เห็นทีเจ้าคือทายาทสืบทอดตำแหน่งเจ้าสกุลที่เหมาะสมที่สุดแล้ว"

  ฉู่เหรินอี้ ตบบ่าน้องห้าของตน ชื่นชมยินดีจากใจจริง

  "ชาวสกุลสวี่ เชิญ" เมื่อฝ่ายบิดาลั่นวาจาแล้วฉู่เหรินอี้ก็ไม่สามารถคัดค้าน สั่งให้บ่าวไพร่จัดโต๊ะรับรองคนจากสกุลสวี่ทันที

  ฉู่ยวนกำลังจะเดินตามขึ้นไป ฉู่หนานซานกลับจงใจ เดินประกบติด ๆ ถามเบา ๆ ว่า "พี่ห้า ท่านว่าระหว่างท่าน กับข้า ท่านพ่อจะเลือกใคร?"

  "เจ้าต้องไปถามท่านพ่อเอง" ฉู่ยวนจ้องกลับไปแวบหนึ่งแล้วเดินห่างออกไปทันที

  แม้เป็นพี่น้องแท้ ๆ แต่ฉู่ยวนไม่เคยรู้สึกชื่นชมในตัวฉู่หนานซานเลยสักครา หากถามว่ามีพี่น้องคนใดที่มันไม่อยากให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสกุล แน่นอนว่าคน ๆ นั้นย่อมเป็นฉู่หนานซาน

  "ชิ" ทันทีที่ฉู่ยวนเดินจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนานซานก็หายไปทันทีแต่แววตาที่อำมหิตเยือกเย็นกลับวาบขึ้นมา

  เมื่อพูดถึงทายาททั้งหกแห่งสกุลฉู่ ในวินาทีนี้คนที่น่าอึดอัดใจที่สุดเห็นจะเป็นพี่น้องที่เหลืออีกสามคน เพราะยังไม่ทันเริ่มการชุมนุมประจำตระกูลฉู่ก็สูญเสียโอกาสความเป็นไป ได้ที่จะสืบทอดตำแหน่งเจ้าสกุลไปแล้ว คนที่อึดอัดใจที่สุดเห็นจะเป็นทายาทคนที่สี่นั่นเอง

  ความจริงทายาทคนที่สี่บรรลุพลังยุทธ์ถึงห้วงที่แปดแล้วหากไม่ใช่เพราะไอ้ลูกไม่เอาไหนอย่างฉู่สวินทำไข่มุกทิพย์ หาย ป่านนี้มันคงบรรลุพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่เก้าเรียบร้อยแล้ว และคนที่จะกลายเป็นจุดสนใจของงานวันนี้คงไม่ได้มีแค่ฉู่ยวนกับฉู่หนานซาน

  ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห มันโกรธจนแทบขบฟันตัวเองหัก เสร็จจากการชุมนุมประจำตระกูลฉู่วันนี้ คงต้องลงโทษไอ้ลูกไม่เอาไหนสถานหนักให้หายเจ็บใจ

  "แย่แน่ ๆ ดูแววตาก็รู้ว่าท่านพ่อโกรธขนาดฆ่าคนได้เลย ไม่ได้การ เสร็จพิธีวันนี้ข้าคงต้องรีบหนีกลับไปสำนักพันวายุ (สำนักเชียนเฟิง) อย่าให้ท่านพ่อจับได้เชียว"

  ฉู่สวินแอบสังเกตสีหน้าของฝ่ายบิดาจากนอกบริเวณลานแสดงยุทธ์ เบ้าตาของมันยังบวมเป่ง แสบร้อนเป็นระยะ เพราะการลงโทษของบิดาเมื่อหลายวันก่อน "ฉู่เฟิง สักวันข้าต้องคิดบัญชีกับเจ้า!"

  "อ้าว บังเอิญจริง นั่นฉู่สวินไม่ใช่รึ ทำไมใบหน้ายับเยินขนาดนั้น ใครทำเจ้ารึ?" ยังไม่ทันขาดคำ เสียงที่ช่างคุ้นเคยก็ แว่วมาจากที่ไกล ๆ

  เมื่อแหงนหน้ามองขึ้นไปบนอัฒจรรย์ ฉู่สวินก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เพราะไม่ใช่ใครอื่น ฉู่เฟิงคนระยำที่ทำให้มันถูก บิดาตัวเองลงไม้ลงมือจนเกือบจะไม่เป็นผู้เป็นคนนั่นเอง แถม มันยังกำลังปั้นยิ้มระรื่นสมน้ำหน้าตนอยู่ด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม