มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 127

พลังของเขานั้น เดิมทีก็สามารถสู้กับคนที่มีพลังสูงกว่าได้ ตอนนี้ยังมีวิชายิ่งเลิศอย่างพลังแปรเสวียนเทียนเพิ่มเข้มาอีก ถ้าหากว่าต้องสู้กับระดับแดนพรสวรรค์ขั้น9อย่างจางหลู่เหลียง หลัวซิวมั่นใจว่าสามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้แน่นอน

ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับฝึกจิตครึ่งอย่างเจ้าสำนักชิงหยุน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถต้านทานพลังที่ระเบิดออกมาของพลังแปรเสวียนเทียนได้

ตอนที่หลัวซิวลืมตาขึ้นมานั้น ก็พบว่าตนเองออกมาจากลูกแก้วความเป็นตาย แล้วกลับมาในห้องลับแล้ว

เวลาต่อจากนี้ หลัวซิวก็จะเตรียมทำความเข้าใจและฝึกพลังแปรเสวียนเทียน พอฝึกสำเร็จ ก็จะเป็นเวลาที่เขาได้กลับไปยังเขตการปกครองหยุนหลง!

เขาไม่มีทางลืมจางหลู่เหลียงนายท่านตระกูลจางอย่างที่คอยจะเอาชีวิตเขาหลายต่อหลายครั้ง ก่อนหน้านี้เป็นเพราะไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง ในเมื่อตอนนี้ได้บรรลุถึงขั้นแดนพรสวรรค์แล้ว ทั้งยังได้วิชายิ่งเลิศอย่างพลังแปรเสวียนเทียนมาอีก แค้นนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ชำระ

อีกอย่าง เขาก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อแม่และพี่สาว ถึงแม้จะมีองค์กรนักล่ายุทธ์คอยปกป้อง แต่ถึงแม้ไม่มีใครกล้าลงมือกับครอบครัวเขาโดยตรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครกล้าใช้วิธีชั่วช้าอื่นๆ

เพื่อที่จะตัดตัวปัญหา การตัดรากถอนโคนถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

……

ในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศเทียนหวู ในสี่แก๊งใหญ่ล้วนมีค่ายวาร์ป เนื่องจากค่ายวาร์ปมีราคาการก่อสร้างสูง อย่างต่ำที่สุดก็ต้องใช้อาจารย์ค่ายกลขั้น5เป็นคนติดตั้ง ดังนั้นกองกำลังทั่วไปไม่มีความสามารถที่จะติดตั้งค่ายวาร์ปได้

กองกำลังที่มีค่ายวาร์ป ถึงจะเรียกว่าเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ของจริง

ระยะทางที่ส่งไปยิ่งไกลเท่าไร การบำรุงรักษาค่ายกลก็ยิ่งมากเท่านั้น ดังนั้นการใช้ค่ายวาร์ปของสี่แก๊งใหญ่ ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง

เช่น ตอนนั้นที่หลัวซิวอยู่ในเขตการปกครองหยุนหลง ส่งจากเขตการปกครองหยุนหลงไปยังเมืองชิงหยุน ใช้200หินพลังจิตชั้นล่าง

จากเมือโจว๋ซิงของเขตการปกครองโตว้ไห่ส่งไปยังเมืองของเขตการปกครองหยุนหลง อย่างน้อยก็ต้องใช้200พลังจิตชั้นกลาง ราคาสูงเป็นเท่าตัว

ราคานี้ ถึงแม้จะเป็นคนระดับปรมาจารย์ฝึกจิตก็ไม่อยากจ่าย คนระดับราชายุทธ์จะใช้งานเพื่อความรวดเร็ว ก็ยังเสียดายเงินเหมือนกัน

ถึงแม้หลัวซิวจะเป็นสมาชิกภายในระดับสมาชิกพรสวรรค์ขององค์กรนักล่ายุทธ์ แต่ทรัพยากรขององค์กรก็ไม่มีให้ใช้ฟรีๆ เขาต้องการส่งจากเมือโจว๋ซิงไปยังเมืองชิงหยุนของเขตการปกครองหยุนหลง ต้องใช้300หินพลังจิตชั้นกลาง

ก่อนหน้านี้ที่เร่งฝึกตน ก็ได้ใช้หินพลังจิตชั้นล่างและชั้นกลางไปหมดแล้ว ต่อมาก็ไปล่าอสูรได้มาเล็กน้อย เหลือหินพลังจิตชั้นล่างไม่ถึงหมื่นแล้ว

และ300หินพลังจิตชั้นกลาง เทียบเท่ากับสามหมื่นหินพลังจิตชั้นล่าง

ถึงแม้ในมือหลัวซิวจะยังมีหินพลังจิตชั้นสูงอีกหลายร้อยเม็ด ที่ได้มาจากในแหวนเก็บของจักพรรดิยุทธ์ซูจิ้งหยุนจากหุบเขากุ่ยอิน

ระดับชั้นของหินพลังจิตยิ่งสูง พลังจิตที่แฝงอยู่ด้านในยิ่งบริสุทธิ์ ก็จะยิ่งเหมาะกับการฝึกตน เช่นถ้าจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ใช้หินพลังจิตชั้นล่างฝึกฝนล่ะก็ ผลลัพธ์จะน้อยมาก ผลการฝึกตนยิ่งสูง ก็ยิ่งต้องการทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนยิ่งสูง

ตอนที่ซูจิ้งหยุนยังมีชีวิต ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักพรรดิยุทธ์ ในแหวนเก็บของมีหินพลังจิตชั้นสูงแค่ไม่กี่ร้อยเม็ด แต่มันมีค่ามาก

ถ้าเอาหินพลังจิตชั้นสูงมาจ่ายเพื่อใช้งานค่ายวาร์ป ก็จะดูโจ่งแจ้งเกินไป เกรงว่าคนในองค์กรนักล่ายุทธ์ก็อาจจะเกิดความโลภขึ้นมาได้ เพราะทุกคนไม่ได้จะเป็นคนที่ใสสะอาดเสียทุกคน

หลัวซิวรู้ว่าตนเองยังมีพลังน้อย จะทำอะไรก็เลยคำนึงถึงผลได้ผลเสียทุกๆ ด้าน

พอคิดถึงจุดนี้ หลัวซิวก็ตัดสินใจจะผ่านเทือกเขากวนเหลยอีกครั้ง ขอเพียงกลับไปยังในเขตการปกครองหยุนหลง พอถึงตอนนั้นค่อยใช้ค่ายวาร์ป ราคาก็จะไม่สูงขนาดนั้นแล้ว

หลังจากนั้นครึ่งเดือน หลัวซิวใช้ยาย้ายร่างไขกระดูกแปลงโฉม แล้วเดินออกจากองค์กรนักล่ายุทธ์

ในครึ่งเดือนนี้ หลัวซิวได้ฝึกพลังแปรเสวียนเทียนสำเร็จระดับต้นแล้ว สามารถทำให้พลังตนเองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้ในพริบตาแล้ว

วิชาแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรจำกัด เช่นพลังแปรเสวียนเทียน ทุกครั้งที่ใช้ ร่างกายของจอมยุทธ์จะแบกรับอย่างหนัก ถ้าใช้งานบ่อยๆ ก็จะทำร้ายตนเอง

ตามหลักแล้ว พลังแปรเสวียนเทียนสามารถเพิ่มพลังได้สูงสุด5เท่า แต่ว่ายิ่งเพิ่มพลังไปมากเท่าไร ร่างกายก็จะแบกรับมากเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ