พลังทมิฬซวนโหลว วิชายุทธ์นี้ถือเป็นระดับสูงในหมู่ระดับเจ็ด เป็นวรยุทธ์ที่ซูจิ้งหยุนซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์เคยฝึกฝน
คนปกติฝึกฝนพลังทมิฬซวนโหลว ฝึกฝนระดับพรสวรรค์คือปราณหยินมรณะส่วนที่หลัวซิวผนึกรวมคือประกายไฟทมิฬ เป็นการผสมผสานระหว่างพลังความตายและพลังเปลวไฟส่วนวิชาวัชรยักษ์ครองร่างเป็นการชุบร่างเนื้อ ให้แข็งแรงเต็มไปด้วยพลังชีวิต เป็นการผสมผสานระหว่างพลังชีวิตและพลังเปลวไฟ สามารถผนึกรวมเป็นไฟแห่งชีวิต。
หลังจากฝึกฝนวรยุทธ์สองแขนงนี้ไปได้ครึ่งเดือน หลัวซัวยื่นนิ้วออกมา ประกายไฟขาวดำที่ปลายนิ้ววนเวียนรุ่มร้อนไปมา
จากนั้นเขาคิด ประกายไฟเป็นตายก็ปรับเปลี่ยนไปมาระหว่างประกายไฟทมิฬและไฟแห่งชีวิต ดูลึกลับอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ในนี้พลานุภาพแข็งแกร่งที่สุดย่อมเป็นประกายไฟเป็นตายขาวดำที่ผสานพลังความเป็นตายสองระดับไว้อยู่แล้ว
ต่อให้เป็นจอมยุทธ์พรสวรรค์ชั้น9 ก็ไม่อาจต้านทานพลานุภาพของประกายไฟดำขาวเป็นตายได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับฝึกจิตขั้นหนึ่งยังต้องโดนเผาจนบาดเจ็บ!
นี่เท่ากับเป็นไพ่ตายใบที่สองนอกจากพลังแปรเสวียนเทียนของหลัวซิว!
ตอนแรกเขาแอบใช้พลังแปรเสวียนเทียนฆ่าจางหลู่เหลียง ต่อให้เป็นปรมาจารย์ฝึกจิตอย่างเย่เซี่ยงโต่วคนนั้นก็มองไม่ออก
ต่อมาหลัวซิวทำการฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับเจ็ดทั้งสองวิชา จนสามารถฝึกฝนวรยุทธ์ทั้งสองแขนงมาอยู่เป็นระดับเดียวกันวรยุทธ์ที่มีมาแต่เดิมแล้ว
ร่างเขาเพียงพอเปรียบเทียบได้กับนักยุทธ์ระดับกลางชั้นสูง ด้านการโจมตี แค่สะบัดมือเล็กน้อยก็ยังแข็งแกร่งกว่ากระบี่เงามืด
ฝีมือมาถึงระดับนี้ได้ กระบี่เงามืดไร้ความหมายไปแล้ว
วิชากระบี่ระดับบริบูรณ์สามารถใช้ได้ตามใจนึก หลัวซิวเองก็เคยลองว่าจะรับรู้ห้วงกระบี่ได้รึไม่ จากวิชากระบี่ไปถึงโลกกระบี่ แต่ด้วยระดับของหลัวซิวในตอนนั้นกลับยากที่จะรับรู้ได้
การรับรู้ของระดับโลกยุทธ์มันยากมาก ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์มากมายต่างไม่มีหนทางรับรู้แดน โดยชะงักค้างอยู่ที่ระดับบริบูรณ์
ถึงห้วงกระบี่จะไม่สามารถรับรู้ในเวลาอันสั้น แต่หลัวซิวกลับรู้ลึกซึ้งสำหรับการรับรู้ของวิชาดาบเร็ว
“ถึงเวลาจากไปแล้ว”
วันนี้หลัวซิวเดินออกจากบ้าน ไม่ได้ไปลาพ่อแม่ ต่อให้ช่วงนี้เขาอยู่ที่บ้าน แต่เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็เอามาเข้าฌาน
พ่อแม่เองก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ครอบครัวพวกเขาสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขเป็นเพราะหลัวซิวทั้งนั้น
เพราะถ้าเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกอัจฉริยะขององค์กรนักล่ายุทธ์ ก็จะไม่มีการคุ้มครองจากองค์กร คาดว่าทั้งครอบครัวคงตายภายใต้การลอบทำร้ายของจางหลู่เหลียงกับโกวหงยี่นานแล้ว
หลัวซิวรู้ดีว่า ขอเพียงฝีมือตนเพิ่มพูนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขอแค่ตนยังเป็นสมาชิกอัจฉริยะขององค์กรนักล่ายุทธ์ ภายในเขตการปกครองหยุนหลง ความปลอดภัยของครอบครัวเขาก็ไม่ต้องให้เขาเป็นห่วงแล้ว
ระหว่างเดินอยู่บนถนนในเมือง หัวใจของหลัวซิวสงบมาก จางหลู่เหลียงกับโกงหงยี่ตายแล้ว เขาจะออกเดินไปบนหนทางไล่ตามจุดสูงสุดของผู้แข็งแกร่งโลกยุทธ์
“ครั้งหน้าไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่กัน”
เขานั่งวาร์ปมาถึงแก๊งสาขาย่อยของเขตการปกครองเมืองหยุนหลง
“ตอนนี้เจ้าเป็นสมาชิกอัจฉริยะขั้นเหลืองระดับกลาง หากมีโอกาสให้ไปสำนักงานใหญ่ของเมืองหลวงเทียนหวูเพื่อสิทธิ์รายชื่อของแดนปริศนา” เหวินเซวียนหงบอก
“แดนปริศนา?”
“นั่นเป็นมรดกที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง โดนค่ายกลแข็งแกร่งปกคลุมไว้ กลายเป็นพื้นที่เล็กๆ หลังจากเจ้าไปแล้วจะรู้เอง” เหวินเซวียนหงไม่ได้อธิบายอะไรมาก
ตามคำพูดของเหวินเซวียนหง แดนปริศนาจะเปิดทุกๆสามสิบปี เพราะข้อห้ามข้อจำกัดของค่ายกลมีเพียงคนที่อยู่ระดับต่ำกว่าราชายุทธ์เท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ ทุกครั้งที่เปิดค่าย แต่ละอำนาจจะแย่งชิงรายชื่อที่มีสิทธิ์เข้าไป
ยังเหลือเวลาอีกราวสองปีกว่าจะถึงวันที่แดนปริศนาเปิดอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...