มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1461

สรุปบท บทที่ 1461: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1461 – มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

บท บทที่ 1461 ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในโลกการฝึกยุทธ์ นอกเหนือจากทรัพยากรแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการถ่ายทอดสืบสาน มากกว่านั้นคือการถ่ายทอดสืบสานสำคัญกว่าทรัพยากรด้วยซ้ำ เนื่องจากมีเพียงการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่ง ถึงจะสามารถบ่มเพาะอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ดีเลิศให้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้ เมื่อเป็นผู้แข็งแกร่งแล้วถึงจะสามารถค้นและรีดไถทรัพยากรจำนวนมาก ตลอดจนสร้างภูมิฐานและกองกำลังที่แข็งแกร่งของตนขึ้นมา

คนคนหนึ่งที่แค่ฝึกตนปิดขังก็สามารถทำให้ภูมิศาสตร์ภายในดวงดาวเกิดการเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นเหมืองแก้วเทวชั้นกลาง ผู้แข็งแกร่งระดับนี้อยู่เหนือการจินตนาการของจี้ซิวและเหอเฟิงแล้ว หากได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ละก็ มูลค่าของเหมืองแก้วเทวชั้นกลางนับร้อยแห่งก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับการถ่ายทอดสืบสานนั้นได้

บทสนทนาของทั้งสองคนสื่อสารกันผ่านตัวสำนึกส่งเสียง ถึงอย่างไรความลับดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกได้ง่าย ๆ

สังเกตเห็นได้ลาง ๆ ว่าลมหายใจของจี้ซิวเริ่มถี่ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว พรสวรรค์ของเขาสูงมาก ๆ มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่ถูกจี้เฟิงรับเป็นศิษย์ จี้เฟิงยิ่งรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม ประทานแซ่จี้ให้แก่เขา 

เขาฝึกตนมาไม่ถึงหนึ่งแสนปี ผลการฝึกตนก็อยู่ในระดับกึ่งราชาเทพ อนาคตการบรรลุเป็นราชาเทพนั้นเป็นผลลัพธ์ที่แทบจะเป็นไปได้อย่างแน่นอนแล้ว

อย่างไรก็ตามการบรรลุเป็นเพียงราชาเทพยังไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ ชีวิตของเขาไม่อยากถูกจำกัดอยู่ในดาราฟ้าเยือกเล็ก ๆ เขาใฝ่หาฟ้าดินที่กว้างใหญ่กว่า เพราะฉะนั้นเขาจึงมีความทะเยอทะยานอันร้อนแรงที่จะบรรลุเป็นมกุฎเทพ ตลอดจนจ้าวมหาเทพให้สำเร็จ!

ทันทีที่สามารถบรรลุเป็นผู้ที่ยืนอยู่ระดับนั้น เขาก็จะสามารถมุ่งหน้าไปยังพิภพที่กว้างใหญ่มากกว่า ยืนอย่างสูงตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่า

ทุกคนที่เดินบนเส้นทางการฝึกยุทธ์ล้วนมีความทะเยอทะยานอันร้อนแรง

การถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานทำให้จี้ซิวมีจิตใจที่จะฆ่า เขาต้องการสังหารเหอเฟิงให้ตาย เช่นนั้นเขาก็จะเป็นผู้เดียวที่ทราบความลับบนดวงดาวดวงนี้ 

มากกว่านั้นคือเขายังอยากสังหารศิษย์น้องของตัวเอง รวมไปถึงทุกคนที่เขาพามาด้วย เขาจะเพลิดเพลินกับการถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานแต่เพียงผู้เดียว!

แต่ทว่าจี้ซิวก็ใจเย็นลงไปได้อย่างรวดเร็ว อย่าว่าแต่การถ่ายทอดสืบสานของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเป็นเพียงข้อสันนิษฐานหนึ่งเท่านั้น จากศักยภาพของเขาคนเดียว ก็ไม่สามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ในนี้ให้ตายได้อย่างแน่นอน ทันทีที่มีคนหลบหนีไปได้ พ่อบุญธรรมของเขาเจ้าเมืองจี้เฟิงก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

นักค่ายเทพจำนวนมากต่างลองไปหลายวิธีแล้ว การศึกษาวิจัยนี้ดำเนินต่อเนื่องมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่ทว่าก็เสาะหาวิธีการทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้เลย

“แปลกประหลาด ช่างแปลกประหลาดเสียจริง! ภายในม่านแสงนี้ไม่มีร่องรอยค่ายกลคงอยู่เลยด้วยซ้ำ ระดับของวิชาห้ามค่ายกลดังกล่าวสูงมาก ๆ ซึ่งอยู่สูงกว่าค่ายกลทั้งหมดที่ข้าเคยพบเห็นในชั่วชีวิตนี้เสียอีก!”

นักค่ายเทพระดับ 6 คนหนึ่งขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า ก่อนจะย้อนกลับไปยังเรือรบแล้วบอกกับจี้ซิวว่า“เจ้าเมืองน้อย ศักยภาพข้ามีขีดจำกัด ข้ามิอาจทำลายค่ายกลบนดวงดาวดวงนี้ได้ขอรับ”

จี้ซิวขมวดคิ้ว ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นนักค่ายกลที่มีระดับความสามารถสูงที่สุดในเมืองฟ้าเยือกแล้ว แม้แต่เขายังหมดซึ่งหนทางปัญญา หรือว่าไม่มีวิธีการบุกประชิดเข้าไปในดวงดาวลึกลับดวงนี้ได้อย่างราบรื่นเลย?

ระดับความสามารถทางด้านค่ายกลเทพของหลัวซิวก็บรรลุถึงระดับ 6 แล้วเช่นกัน ร่างกลวัฏสงสารที่สองศึกษาวิจัยมานานกว่าครึ่งเดือน แต่ก็ไม่สามารถอนุมานค่ายกลดังกล่าวได้เลยแม้แต่น้อย ไม่พบร่องรอยของค่ายกลเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับการอนุมานวิธีการทำลายค่ายกล?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ