“เจ้าหนู เจ้าไม่ได้เป็นไข้หรอกใช่ไหม ? ตั้งแต่สามปีก่อนที่มีลูกศิษย์ชั้นกลาง ระดับการกลั่นร่างขั้น7ของสำนักยุทธ์เข้าร่วมการทดสอบและตายไปในระหว่างนั้น กเห็นจะมีเพียงลูกศิษย์ชั้นสูงที่อยู่ระดับการกลั่นร่างขั้น8บางคนเท่านั้น ที่สามารถผ่านการทดสอบไปได้ นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ?”
“ใช่แล้ว หลัวซิว เจ้าอายุยังน้อย สามารถรออีกสักสองสามปีแล้วค่อยมาทดสอบก็ได้” พนักงานต้อนรับสาวเจียงชานชานก็เอ่ยเตือนขึ้น
ครั้งนี้นางไม่ได้เรียกเขาว่าน้องหลัวซิวแล้ว และมีท่าทีที่จริงจังมากขึ้น
ส่วนบรรดานักล่าอสูรเอง ต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาออกมา พวกเขาผ่านความเป็นความตายมามากมาย จนรู้สึกชินชา ส่วนคนที่มีความกระตือรือร้นจริง ๆ นั้นมีอยู่เพียงไม่มาก
“การทดสอบนักล่าอสูรไม่ใช่ผลการฝึกตน แต่เป็นความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายขั้น1 ไม่ใช่อสูรป่า !” เจียงชานชานกล่าวเตือนอีกครั้ง
“ข้าตัดสินใจแล้ว” หลัวซิวมีแววตาที่แน่วแน่มั่นคงอย่างมาก
“เจ้าเด็กนี่กล้าหาญไม่เลว ให้เขาลองดูสักตั้งสิ” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งที่กำลังดื่มเหล้าตะโกนขึ้น
“โจวหลง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ เจ้าจะทำให้เขาตาย !” เจียงชานชานจ้องมองชายรูปร่างกำยำ
“ขอแค่ทำตามเงื่อนไขได้ แก๊งคงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการขอเข้าร่วมการทดสอบของข้าใช่ไหม ?” หลัวซิวใช้นิ้วเคาะโต๊ะ “อีกอย่าง ทำไมท่านถึงได้มั่นใจนักว่าการให้ข้าเข้าร่วมการทดสอบคือการส่งข้าไปตาย ?”
“ฮ่าฮ่า หมอนี่หัวรั้นไม่เบา ข้าชอบ !” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ชื่อโจวหลงผู้นั้นหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ถ้าหากเจ้าผ่านการทดสอบ ข้าจะให้เจ้าเข้ามาอยู่ในกลุ่มของข้า !”
“ล้อเล่นน่า เด็กตัวกะเปี๊ยกเนี่ยนะจะผ่านการทดสอบไปได้ ? หากเขาสอบผ่าน ข้าจะโน้มหัวลงมาให้เขาเตะเป็นลูกบอลเลย !” อีกทางด้านหนึ่ง มีชายหนุ่มที่ไว้หนวดเคราเล็กน้อยบนใบหน้าเอ่ยขึ้นอย่างดูถูก
“โจวหลง เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าไหมล่ะ ?” ชายหนุ่มไว้เคราพูดเสียงดัง
“บัดซบ โกวหูจื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” โจวหลงจ้องตาเขม็งพลางตะโกนออกมา
จากการที่หลัวซิวรับรู้ถึงลายเส้นชีวิต ผลการฝึกตนของโจวหลงและโกวหูจื่อน่าจะอยู่ในแดนชี่ไห่ ทั้งสองทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าร่วมการทดสอบของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การได้เป็นนักล่าอสูร ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลัวซิว เพราะไม่ว่าจะได้รับภารกิจ หรือการซื้อขายสิ่งของภายในแก๊ง จะต้องเป็นนักล่าอสูรเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้
เพราะหลัวซิวยืนยันหนักแน่น เจียงชานชานจึงหยิบกระดาษออกมาสองสามแผ่น หนึ่งในนั้นเป็นเอกสารขอเข้าร่วมการทดสอบ ซึ่งจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว ส่วนอีกใบหนึ่ง เป็นหนังสือสัญญา ซึ่งมีใจความหลัก ๆ กล่าวว่า ผู้ที่ขอเข้าร่วมการทดสอบ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการทดสอบ ทางแก๊งนักล่าอสูรจะไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ
หลัวซิวไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย เขาเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองว่าจะต้องผ่านการทดสอบไปได้ มิเช่นนั้น หากแม้แต่การทดสอบเช่นนี้ยังผ่านไปไม่ได้ แล้วต่อไปเขาจะก้าวเข้าสู่ยุทธ์ในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างไร ?
หลัวซิวสะบัดปากกาเซ็นชื่อของเขา จากนั้นพนักงานต้อนรับของแก๊งนักล่าอสูร ก็พาหลัวซิวไปยังสนามทดสอบ
“ข้าขอเดิมพันว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีทางผ่านการทดสอบ !” ในห้องโถงใหญ่ โกวหูจื่อตบโต๊ะแล้วตะโกนเสียงดัง พลางจ้องเขม็งไปที่โจวหลง แล้วพูดว่า : “โจวหลง กล้าเดิมพันกับข้าไหมล่ะ ?”
ทั้งสองต่างมีกลุ่มของตนเอง ปกติแล้วก็ไม่ชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ และมักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อย ๆ
มีคนอยู่ที่นั่นมากมาย เมื่อเห็นโกวหูจื่อแสดงท่าที่หยิ่งยโสเช่นนี้ออกมา โจวหลงเองก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาจึงลุกยืนขึ้นแล้วเตะเก้าอี้ออกไป จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห : “ข้าขอเดิมพันกับเจ้า !”
“เด็กหนุ่มมักจะเลือดร้อน ตามข้ามาสิ”
คนที่พาหลัวซิวไปยังสนามทดสอบ เป็นชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีขาวคนหนึ่ง
หลัวซิวเห็นตราสัญลักษณ์สองดวงอยู่บนหน้าอกของชายชรา ดวงแรกเป็นตราสัญลักษณ์ดาบไขว้ของนักล่าอสูร ส่วนอีกดวงหนึ่งเป็นตราสัญลักษณ์รูปดาวหกแฉก
“ตราสัญลักษณ์นักค่ายกล !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...