มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1833

“จากการที่ประวัติศาสตร์และกาลเวลาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป จักรวาลฟ้าดินก็เริ่มแตกต่างจากสมัยโบราณแล้ว อสูรดูดจิตทำได้เพียงอาศัยการกลืนกินช่องจิต ถึงจะสามารถเจริญเติบโตและวิวัฒนาการได้ ดังนั้นอสูรดูดจิตจึงไม่ถูกเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ยอมรับ ทุกครั้งที่พวกมันปรากฏก็จะถูกฆ่าตาย ดังนั้นพวกมันจึงสูญพันธุ์ไปตั้งนานแล้ว”

อ้างอิงจากคำพูดของจีเสวียนคง แม้ระดับความเร็วในการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการของอสูรดูดจิตจะด้อยกว่าสมัยโบราณมาก ทว่าคุณสมบัติพิเศษที่สามารถวิวัฒนาการได้อย่างไร้ขีดจำกัดของมันยังคงอยู่ แต่ถ้าอยากทำให้อสูรดูดจิตเจริญเติบโตขึ้นมาละก็ มันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง เนื่องจากจากการที่อสูรดูดจิตยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น จะมีช่องจิตที่มากมายเช่นนั้นให้มันกลืนกินวิวัฒนาการได้อย่างไร?

หากจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ก็จะเกิดการสังหารกันอย่างไร้ขอบเขต จากอุปนิสัยของหลัวซิว เขาก็ไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์จำนวนมากเพื่อทำให้อสูรดูดจิตเติบโตวิวัฒนาการเช่นกัน

ทันใดนั้นเอง สายตาของหลัวซิวก็มองเห็นภูเขาลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันไกลโพ้น 

นั่นคือยอดเขาหิมะลูกหนึ่ง สูงเทียมเมฆ หิมะที่ขาวโพลน บนยอดเขาหิมะนั่นมีชุดแพรสีแดงร่างหนึ่งกำลังบินลอยอยู่กลางพายุหิมะ ราวกับเทพธิดาไร้ราคีกำลังจะโบยบินขึ้นสวรรค์ยังไงอย่างนั้น

ข้างกายของเทพธิดาชุดแดง มีผู้อาวุโสใบหน้าเย็นชาที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีดำมืดทึมน่ากลัวยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ซึ่งเขาก็คือท่านฉีที่หลิวเซี่ยหานจัดแจงให้อยู่ข้างกายนางนั่นเอง 

หงเฟย หรือว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์นั่นเอง แต่ทว่านางลืมเรื่องราวทุกอย่างไปแล้ว จำได้เพียงชื่อของตนเอง ซึ่งเรียกว่าหงเฟย

“คุณหนู มันมาแล้วขอรับ”ท่านฉีเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน แล้วมองไปทางจุดดำหนึ่งจุดที่บินมาจากขอบฟ้า ซึ่งจุดดำดังกล่าวก็คืออสูรดูดจิตที่กำลังบินมาจากที่ไกล

หงเฟยก็ต้องมองเห็นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว และทราบเช่นกันว่าผู้ที่ท่านฉีหมายถึงคือผู้ใดกันแน่ และการที่นางกับท่านฉีมารอคอยบนยอดเขาหิมะแห่งนี้นั้น ก็เพราะปฏิบัติตามคำสั่งของอาจารย์นาง หลิวเซี่ยหาน มาดักสังหารคนดังกล่าว ณ ที่นี่ 

“โฮกก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ