“จากการที่ประวัติศาสตร์และกาลเวลาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป จักรวาลฟ้าดินก็เริ่มแตกต่างจากสมัยโบราณแล้ว อสูรดูดจิตทำได้เพียงอาศัยการกลืนกินช่องจิต ถึงจะสามารถเจริญเติบโตและวิวัฒนาการได้ ดังนั้นอสูรดูดจิตจึงไม่ถูกเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ยอมรับ ทุกครั้งที่พวกมันปรากฏก็จะถูกฆ่าตาย ดังนั้นพวกมันจึงสูญพันธุ์ไปตั้งนานแล้ว”
อ้างอิงจากคำพูดของจีเสวียนคง แม้ระดับความเร็วในการเจริญเติบโตและวิวัฒนาการของอสูรดูดจิตจะด้อยกว่าสมัยโบราณมาก ทว่าคุณสมบัติพิเศษที่สามารถวิวัฒนาการได้อย่างไร้ขีดจำกัดของมันยังคงอยู่ แต่ถ้าอยากทำให้อสูรดูดจิตเจริญเติบโตขึ้นมาละก็ มันจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง เนื่องจากจากการที่อสูรดูดจิตยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น จะมีช่องจิตที่มากมายเช่นนั้นให้มันกลืนกินวิวัฒนาการได้อย่างไร?
หากจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ก็จะเกิดการสังหารกันอย่างไร้ขอบเขต จากอุปนิสัยของหลัวซิว เขาก็ไม่มีทางสังหารคนบริสุทธิ์จำนวนมากเพื่อทำให้อสูรดูดจิตเติบโตวิวัฒนาการเช่นกัน
ทันใดนั้นเอง สายตาของหลัวซิวก็มองเห็นภูเขาลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันไกลโพ้น
นั่นคือยอดเขาหิมะลูกหนึ่ง สูงเทียมเมฆ หิมะที่ขาวโพลน บนยอดเขาหิมะนั่นมีชุดแพรสีแดงร่างหนึ่งกำลังบินลอยอยู่กลางพายุหิมะ ราวกับเทพธิดาไร้ราคีกำลังจะโบยบินขึ้นสวรรค์ยังไงอย่างนั้น
ข้างกายของเทพธิดาชุดแดง มีผู้อาวุโสใบหน้าเย็นชาที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีดำมืดทึมน่ากลัวยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ซึ่งเขาก็คือท่านฉีที่หลิวเซี่ยหานจัดแจงให้อยู่ข้างกายนางนั่นเอง
หงเฟย หรือว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์นั่นเอง แต่ทว่านางลืมเรื่องราวทุกอย่างไปแล้ว จำได้เพียงชื่อของตนเอง ซึ่งเรียกว่าหงเฟย
“คุณหนู มันมาแล้วขอรับ”ท่านฉีเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน แล้วมองไปทางจุดดำหนึ่งจุดที่บินมาจากขอบฟ้า ซึ่งจุดดำดังกล่าวก็คืออสูรดูดจิตที่กำลังบินมาจากที่ไกล
หงเฟยก็ต้องมองเห็นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว และทราบเช่นกันว่าผู้ที่ท่านฉีหมายถึงคือผู้ใดกันแน่ และการที่นางกับท่านฉีมารอคอยบนยอดเขาหิมะแห่งนี้นั้น ก็เพราะปฏิบัติตามคำสั่งของอาจารย์นาง หลิวเซี่ยหาน มาดักสังหารคนดังกล่าว ณ ที่นี่
“โฮกก!”
แต่ทว่าเมื่อหลายหมื่นปีก่อน อสูรดูดจิตตัวนั้นก็เป็นเพียงอสูรระดับเทพมารเท่านั้น ปัจจุบันกลับบรรลุถึงระดับราชาเทพแล้วอย่างนั้นหรือ?
ท่านฉีใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจ ก็สังเกตเห็นทั้งสามคนที่ยืนอยู่บนศีรษะของอสูรดูดจิตแล้ว ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมสีดำนั่น ต้องเป็นผู้ที่เจ้าสำนักน้อยออกคำสั่งให้จับกุมโดยไม่ต้องสงสัยเลย ในส่วนของชายชราและสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่เดินทางมาพร้อมกับเขานั้น ท่านฉีกลับไม่ได้นำมาไว้ในสายตาเลย
อสูรดูดจิตบินวนอยู่บนนภายอดภูเขาหิมะ เขาก้มมองลงไปจากที่สูง สายตาร่วงลงบนคนชุดแดงนั่น
“เจ้าก็คือซิวหลัวหรือ?”หงเฟยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหลัวซิวพลางถาม
“เจ้าลืมแล้วหรือ?”น้ำเสียงของหลัวซิวฟังดูเศร้าโศกเล็กน้อย เขาดูออกตั้งนานแล้วว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์สูญเสียความทรงจำไปแล้ว และผู้ที่นำทีมทำเรื่องเลว ๆ ทั้งหมดนี้ก็ต้องเป็นหลิวเซี่ยหานนั่นอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...