“หลัวซิว ข้ามอบหยวนหยินให้เจ้า จากนั้นเจ้าค่อยฆ่าข้าเถอะ!” นางมองหลัวซิวทั้งน้ำตาพลางกล่าว
นางยินยอมที่จะมอบหยวนหยินให้กับหลัวซิว ก็ไม่ยอมที่จะมอบให้ราชวงศ์ตระกูลฝาน เพราะในหัวใจของนางนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มีต่อราชวงศ์ตระกูลฝาน
หลัวซิวไม่ได้ตอบอะไร แต่ได้ส่งเสียงผ่านตัวสำนึกเพื่อสื่อสารกับหลงหมิง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำเช่นไรถึงจะสามารถถอนวิชาสยบวิญญาณได้?”
ในปัจจุบัน วิชาสยบวิญญาณเป็นเคล็ดวิชาที่แทบจะไม่สามารถทำลายถอดถอนได้ ทำได้เพียงอาศัยผลการฝึกตนของตัวเองทะลวงพันธนาการ
“ถ้าหากเป็นวิชาสยบวิญญาณระดับล่าง ข้าพอจะรู้เคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การถอน แต่เป็นการแย่งชิงอำนาจในการควบคุม” หลังจากที่หลงหมิงครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็ได้ค้นพบบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิชาสยบวิญญาณจากความทรงจำในสมัยโบราณ
“แย่งชิงอำนาจในการควบคุม?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตามที่หลงหมิงได้กล่าวมานั้น เขาสามารถควบคุมวิชาสยบวิญญาณในตัวหยั่งรู้ของปี้เซียนเสว่ได้โดยใช้เคล็ดวิชาวิญญาณโบราณบางอย่างได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ราชวงศ์ตระกูลฝานก็จะไม่สามารถควบคุมการเป็นตายของนางผ่านทางวิชาวิญญาณโบราณได้ การควบคุมความเป็นตายของนางจะตกมาอยู่ในมือของตน
“แหะ ๆ ร่างแห่งเสวียนหยินนั้นเป็นหนึ่งในสุดยอดเตากลั่นยา นอกจากจะสามารถทำให้ผลการฝึกตนเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนที่ได้รับครั้งแรกแล้ว การฝึกตนด้วยกันโดยเปลื้องอาภรณ์ระหว่างหญิงชายยังสามารถดูดซับพลังเสวียนหยินผนึกรวมปราณแท้ ผลดีไม่มีที่สิ้นสุด” หลงหมิงยิ้มกริ่มพลางกล่าว
หลัวซิวไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านี้ของหลงหมิง และได้หันกลับไปหาปี้เซียนเสว่ กล่าว: “วิชาสยบวิญญาณของเจ้าข้าไม่อาจถอนได้ แต่ข้าสามารถใช้เคล็ดวิชาบางอย่างแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณมา เจ้าคิดเอาเองแล้วกัน”
“จริงหรือ?” คำพูดของหลัวซิว ทำให้ปี้เซียนเสว่เป็นเหมือนดั่งคนจมน้ำที่คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ “ข้ายินดีให้เจ้าควบคุมวิชาสยบวิญญาณของข้า”
แม้ว่านางจะไม่รู้จักนิสัยของหลัวซิวสักเท่าไร แต่อย่างน้อยในความทรงจำของนางนั้น เขาดีกว่าคนของราชวงศ์ตระกูลฝานหลายเท่า
ยังไงเสียวิชาสยบวิญญาณก็ไม่สามารถถอนได้ แทนที่จะถูกราชวงศ์ตระกูลฝานควบคุมต้องกลายเป็นเตากลั่นยาที่คนอื่นใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มระดับผลการฝึกตนในไม่ช้าก็เร็ว ไม่สู้ลองเดิมพันสักครั้ง ให้หลัวซิวควบคุมวิชาสยบวิญญาณ ไม่แน่ว่าโชคชะตาอาจจะไม่หดหู่เช่นนั้นก็เป็นได้
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ข้าควบคุมวิชาสยบวิญญาณ?" หลัวซิวถามอีกครั้ง
“ข้ามั่นใจ” ปี้เซียนเสว่ตอบอย่างไม่ลังเล
ในขณะเดียวกันนั้น หลงหมิงก็ได้ใช้ตัวสำนึกส่งเสียง สอนเคล็ดวิชาแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณให้กับเขา “เคล็ดวิชาชนิดนี้ทำได้เพียงแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณระดับล่าง ถ้าหากวิชาสยบวิญญาณที่ถูกลงในร่างกายของแม่นางน้อยคนนี้เป็นระดับกลางขึ้นไป เคล็ดวิชานี้ก็จะใช้ไม่ได้ผล”
ปี้เซียนเสว่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หลัวซิวใช้นิ้วมือหนึ่งนิ้วจิ้มลงไปบนบริเวณจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วของปี้เซียนเสว่ “เจ้าจะเปลี่ยนใจในตอนนี้ก็ยังทัน”
ดวงตาของปี้เซียนเสว่สั่นไหว “รบกวนเจ้าแล้ว”
จากนั้นนางก็หลับตาลง เหมือนกับได้ยอมจำนนแก่ชะตากรรม
เมื่อเห็นว่านางได้ตัดสินใจแล้ว หลัวซิวก็ไม่พูดมากอะไรอีก ตัวสำนึกเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของนาง
“ผู้ใดกันที่กล้าแตะต้องวิชาสยบวิญญาณของข้า?”
ในตอนที่หลัวซิวใช้เคล็ดวิชาเพื่อแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณนั่นเอง คลื่นพลังตัวสำนึกสายหนึ่งก็ได้ดังลอยมาจากแสงสีทอง
เป็นที่ประจักษ์ ในตอนที่เขาแย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณ เจ้าของคนเดิมของวิชาสยบวิญญาณได้สัมผัสถึงมันแล้ว
หลัวซิวส่งเสียงหึออกมาหนึ่งครั้ง และแสดงเคล็ดวิชาต่อไป ในเมื่อได้ลงมือแล้วก็ไม่มีทางที่จะหันหลังกลับ ต้องเป็นปรปักษ์กับราชวงศ์ตระกูลฝานแล้วยังไง?
ไม่นานหลังจากนั้น หลัวซิวก็ได้แย่งชิงอำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณมาได้ และได้ทิ้งตราของตนเอาไว้ในแสงที่ของที่เกิดจากวิชาสยบวิญญาณ
เพียงแค่เขาคิด ก็สามารถควบคุมการเป็นตายของปี้เซียนเสว่ได้ตามอำเภอใจ และสำหรับทุกคำสั่งของตน นางล้วนไม่สามารถขัดขืนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...