มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2660

“ช่างปากดียิ่งนัก ไม่ว่ามึงจักเป็นผู้ใด วันนี้มึงจำเป็นต้องตาย!”

ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวเขียวตะคอกเสียงดังลั่น ถัดจากนั้นก็มีพลังออร่าและจิตสังหารที่แข็งแกร่งปลดปล่อยออกมาจากตัวผู้อาวุโสทั้งหกคน แล้วผนึกไปทางหลัวซิวทั้งสามคน

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็เบื่อที่จะพูดจาไร้สาระเช่นกัน ง้างมือโยนธงค่ายออกไปห้าหกผืน ถัดจากนั้นมือทั้งสองข้างก็ประสานอิน เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั้งนภาเหนือถ้ำก็ถูกลายค่ายและยันต์ค่ายที่นับไม่ถ้วนปกคลุม

เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ค่ายกลที่หลัวซิวจัดวางอยู่รอบถ้ำย่อมไม่ได้มีเพียงค่ายคุ้มกันค่ายเดียวอยู่แล้ว

แต่ว่าขณะที่สัมผัสพลังออร่าของทั้งหกคนได้ในเมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ปลดปล่อยอุบายทำการอำพรางค่ายกลอื่น ๆ คอยคนเหล่านี้เข้าใกล้ถ้ำ หลังจากถูกค่ายกลทั้งหมดปกคลุมแล้ว เขาถึงจะใช้อุบายทำการกระตุ้นพลานุภาพทั้งหมดของค่ายกลออกา

ค่ายเทพระดับหกที่เขาจัดวางในนี้มีสิบกว่าค่าย เมื่อพลานุภาพของค่ายเทพระดับหกสิบกว่าค่ายปะทุออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ก็เท่ากับพลานุภาพของเทพมารระดับหกสิบกว่าคนร่วมมือกันแล้ว  

“แย่แล้ว! สถานที่แห่งนี้ยังมีค่ายกลอื่น ๆ อีก!”

ณ บัดนี้วินาทีนี้ ผู้อาวุโสทั้งหกจากกองกำลังใหญ่ทั้งสามถึงจะเข้าใจว่าตัวเองตกอยู่ในกับดักของฝ่ายตรงข้ามแล้ว พวกเขาก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเทพมารระดับสี่คนหนึ่ง ถึงขั้นเป็นนักค่ายเทพระดับหกคนหนึ่งไม่ว่า อีกทั้งค่ายกลที่จัดวางไว้ในนี้ยังไม่ได้มีเพียงค่ายเดียวด้วย

ต้องท้าวความก่อนว่าต่อให้เป็นนักค่ายเทพระดับหก การจัดวางค่ายเทพระดับหกนั้น ก็ต้องมีการช่วยเสริมจากวัตถุดิบล้ำค่าต่าง ๆ นานา นักค่ายกลทั่วไปไม่มีทางควบคุมพลานุภาพของค่ายกลที่มากมายเช่นนี้ให้ทำงานพร้อมกันได้เลยด้วยซ้ำ 

ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นเลยว่า หลัวซิวนี่ไม่เพียงใช่นักค่ายเทพระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นปรมาจารย์ค่ายเทพระดับหกที่อุบายปราดเปรื่องอีกด้วย!

ตู้ม!

ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ก็มีจิตสังหารที่ไร้ขอบเขตปะทุออกมาจากลายค่ายและยันต์ค่ายที่นับไม่ถ้วน แสงค่ายทั้งหลายเหมือนดั่งดาบกระบี่ ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหกจากกองกำลังใหญ่ทั้งสามจมหายไปในลายค่ายยันต์ค่าย

“เราไปกันเถอะ!”

หลัวซิวโบกมือเรียกตำหนักวัฏสงสารออกมา ก่อนจะพาเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ผันร่างเป็นรุ้งยาวบินเข้าไปในขอบฟ้า 

เขาไม่ได้คาดหวังว่าค่ายกลเหล่านี้จะสามารถสังหารผู้อาวุโสทั้งหกจากกองกำลังใหญ่ทั้งสาม ต่อให้สามารถสังหารได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยแน่นอน และทันทีที่เสียเวลาอยู่ที่นี่ ก็มีโอกาสถูกผู้แข็งแกร่งจากกองกำลังทั้งสามเร่งเดินทางมาสกัดกั้นหลังทราบข่าว

ซึ่งมันก็เหมือนอย่างที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ ด้วย เขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ก็มีผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับหกอีกหลายคนของกองกำลังใหญ่ทั้งสามเร่งเดินทางมาหลังทราบข่าว ภายใต้การร่วมมือรุมโจมตีจากเทพมารระดับหกหลายคน ค่ายเทพระดับหกสิบกว่าค่ายจึงถูกทยอยทำลายทิ้ง แล้วทำการช่วยผู้อาวุโสทั้งหกคนที่ติดอยู่ภายในออกมา

แต่เวลานี้หลัวซิวได้ออกจากดาราธารานิลตั้งนานแล้ว ตำหนักวัฏสงสารเหมือนดั่งดาวดวงหนึ่ง ทะลุไปมาอยู่ในห้วงดาราอย่างรวดเร็ว 

“ท่านสวามี เราจะไปที่ใดกันหรือ?”หลบหนีดาราธารานิลออกมาจากสำเร็จ เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่จึงต่างถอนหายใจโล่งอก

“เราจะไปภูเขาว่านเริ่น”หลัวซิวอมยิ้มพลางพลิกมือหยิบแหวนเก็บของออกมาสองวง ยื่นให้พวกนางคนละวงแล้วพูดว่า: “ภูเขาว่านเริ่นค่อนข้างไกล พวกเจ้าฝึกตนปิดขังอยู่ภายในตำหนักวัฏสงสารก็พอแล้ว พยายามฝึกตนให้ถึงแดนเทพมารระดับห้าขั้นสูงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ จากนั้นข้าค่อยคิดหาวิธีให้พวกเจ้าบรรลุสู่แดนเทพมารระดับหก”

ภายในแหวนเก็บของทั้งวงนี้ ต้องเป็นทรัพยากรการฝึกตนที่หลัวซิวได้รับมาหลังจากสังหารพวกเหลยเทียนฟางอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะใจกลางของกองกำลังใหญ่ทั้งสาม ภายในแหวนเก็บของของพวกเขามีทรัพยากรการฝึกตนที่ระดับขั้นสูง ๆ ไม่น้อยเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีโอสถแก่นแท้ระดับหกจำนวนมากด้วย

หลัวซิวแบ่งให้เหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ส่วนหนึ่ง ส่วนเขาเองก็เก็บไว้อีกส่วนหนึ่ง เมื่อมีโอสถแก่นแท้ระดับหกเหล่านี้ ควบคู่กับเม็ดยาเซียนระดับหกต่าง ๆ ที่เขากลั่นได้ เขาก็มีความมั่นใจในการทลายจุดตีบตันของเทพมารระดับหกแล้ว

แม้นครั้นเมื่อบรรลุสู่จ้าวมหาเทพ สิ่งที่เขาใช้ก็เป็นยาเซียนระดับหกเช่นกัน แต่ทว่าโอสถเวทย์อลวนเป็นยาเซียนระดับหกที่ระดับต่ำที่สุด ในบรรดายาเซียนระดับหก มียาหลายประเภทมากที่มีฤทธิ์ยาและประสิทธิผลแข็งแกร่งกว่าโอสถเวทย์อลวน

อดีตขณะที่อยู่ในมหาโลกาพันสาม ต้นยาเซียนระดับหกนั้นตามหายากมาก แต่ในโลกร้างกลับหาไม่ยากนัก นอกจากที่เขาได้รับจากแดนปริศนาของฉิวซานฉือแล้ว ในแหวนเก็บของของพวกเหลยเทียนฟางก็มีอยู่บ้าง เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็ถือว่าเพียงพอแล้ว 

หลัวซิวได้รับม้วนหยกแผนที่ดาวมาจากแดนปริศนาของฉิวซานฉือหนึ่งชิ้น ซึ่งภายในม้วนหยกมีตำแหน่งของภูเขาว่านเริ่นบันทึกไว้อยู่ กาลเวลาหนึ่งยุคตรีภพได้เปลี่ยนแปลงไป หากไม่มีการชี้นำจากม้วนหยกแผนที่ดาว ถึงแม้ในความทรงจำของเขาจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภูเขาว่านเริ่น แต่ก็ตามหาตำแหน่งที่แม่นยำได้ยากมาก 

……

ภูเขาว่านเริ่นตั้งอยู่ในธาตุดาราเทียนหยุนแห่งโลกร้าง ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีการถ่ายทอดสืบสานมายาวนานกว่าหนึ่งยุคตรีภพ

เล่ากันว่าผู้แข็งแกร่งที่ริเริ่มบุกเบิกภูเขาว่านเริ่นนั้น คือราชาเทพระดับเก้าคนหนึ่ง สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นการถ่ายทอดสืบสานระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกร้าง  

ทว่ากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไป กาลเวลาหนึ่งยุคตรีภพที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไปแล้ว ต่อให้เป็นการถ่ายทอดสืบสานที่รุ่งโรจน์มากเพียงใด สุดท้ายแล้วก็ต้องมีวันที่เสื่อมทรุดลงอยู่ดี ภูเขาว่านเริ่นไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจสูงส่งอย่างเมื่อปีนั้นอีกต่อไปแล้ว 

“กราบรายงานท่านผู้อาวุโส มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางมาถึงบริเวณตีนเขา บอกว่าจะเข้าร่วมภูเขาว่านเริ่นของเรา อีกทั้งจักเข้ารับการประเมินศิษย์ใจกลางใจกลางด้วยขอรับ”

วันนี้ มีผู้อาวุโสคนหนึ่งของภูเขาว่านเริ่นนั่งอยู่ในตำหนัก มีศิษย์คนหนึ่งเดินเข้ามาพูดอย่างเคารพนอบน้อม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ