เมื่อถูกหลัวซิวจับไว้และระงับการฝึกตนในทันที ทำให้ชายชราหน้าถอดสี เหงื่อกาฬไหลพราก พลางตะโกนขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า : “เจ้าคิดจะทำอะไร ! หากเจ้าอาจหาญกล้าทำร้ายข้าละก็ นายท่านไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเป็นอันขาด !”
“อย่างนั้นหรือ ?”
หลัวซิวเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ตัวสำนึกที่แข็งแกร่ง พุ่งตรงเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่ายทันที ภายใต้การโจมตีของตัวสำนึกที่แข็งแกร่งนี้ ถึงแม้ชายชราผู้นี้จะมีผลการฝึกตนถึงเทพมารระดับแปด ทำให้สูญเสียตัวธรรม จิตใจล่มสลายในทันที ช่องจิตวิญญาณถูกปราบปราม ความทรงจำที่เก็บอยู่ในตัวหยั่งรู้ ถูกหลัวซิวอ่านอย่างง่ายดาย
น้อยครั้งนักที่หลัวซิวจะขโมยความทรงจำของผู้อื่น แต่เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเมิ่งเชียนชาง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะไม่ใหความสำคัญ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง !”
ความทรงจำของชายชราผู้นี้ ถูกหลัวซิวอ่านจนหมดจดในชั่วพริบตา เขาได้รับข่าวสารที่ต้องการจากความทรงจำของอีกฝ่าย
“เมิ่งเชียนชางตายยากจริง ๆ ด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาเองก็มาถึงโลกร้างแล้ว !”
จามความทรงจำที่ได้รับจากตัวหยั่งรู้องชายชราผู้นี้ เดิมทีเมิ่งเชียนชางอยู่ในโลกจักรภพ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เพิ่งจะพาคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาโลกร้าง อีกทั้งยังก่อพรรคตั้งสำนักขึ้นในโลกร้างอีกด้วย แต่พรรคที่เมิ่งเชียนชางสร้างขึ้นในโลกร้านนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังนัก
หลัวซิวรู้ดีว่า ที่เมิ่งเชียนชางท่องไปมาในโลกร้างก็เพื่อตามหาตนเอง เพราะเมิ่งเชียนชางรู้ดีว่า หากหลัวซิวฝึกตนถึงระดับหนึ่งและเดินทางออกจากมหาโลกาพันสาม สถานที่แรกที่จะต้องมาก็คือโลกร้าง
“เมิ่งเชียนชาง เจ้ายังคงหยิ่งยโสไม่เปลี่ยน คิดว่าส่งแค่เทพมารระดับแปดตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมา ก็จะจับข้ากลับไปได้อย่างนั้นหรือ ?”
หลัวซิวหัวเราะเยาะ จากนั้นก็กดมือลงไป ชายชราเทพมารระดับแปดผู้นี้ ก็ถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง และมลายหายไปในทันที ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาถูกกดทับเอาไว้จนไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้
ส่วนเด็กหนุ่มที่เดินทางมาพร้อมกับชายชรา กลับตกใจจนอ้าปากค้างไปนานแล้ว ร่างกายของเขาสั่นเทา ถูกอำนาจของหลัวซิวเข้าครอบงำจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดหลบหนี
แต่นับว่าหลัวซิวยังโชคดี ยังดีที่เมิ่งเชียนชางดูถูกเขา จึงส่งมาเพียงเทพมารระดับแปดคนหนึ่งเท่านั้น หากเมิ่งเชียนชางเดินทางมาด้วยตนเองแล้วละก็ ตอนนี้เขาอายยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งเชียนชาง
จากความทรงจำของชายชรา ดูเหมือนผลการฝึกตนของเมิ่งชิงชางจะบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าแล้ว แต่เมิ่งเชียนชางไม่ใช่แค่เทพมารระดับเก้าธรรมดา ๆ แต่สิ่งที่เขาฝึกตนคือเคล็ดเซียนวัฏสงสารสูงสุด !
ศึกก่อนยุคแห่งความโกลาหล ชาติก่อนของเขาไท่ซ่างฉิงเป็นผู้สูงส่ง ส่วนเมิ่งเชียนชางยังเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ อาศัยเคล็ดเซียนวัฏสงสารสูงสุดประกอบกับกงล้อวัฏจักธรรม หากต่อสู้กันคงต้องบาดเจ็บสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ตั้งแต่ที่ความทรงจำอันเลวร้ายที่เหลืออยู่ของเมิ่งเชียนชาง ถูกเขาบดขยี้ในลูกแก้วความเป็นตาย จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งผ่านมาไม่ถึงหนึ่งพันปี เมิ่งเชียนชางเองคงคิดไม่ถึงว่าการฝึกตนของเขาจะพัฒนาไปเร็วขนาดนี้ ดังนั้นจึงได้ส่งเทพมารระดับแปดคนหนึ่งมา
“ศัตรูคู่อาฆาตหรือ ?”
หลัวซิวหลับตาลง หลังจากผ่านยุคแห่งความโกลาหลมาช้านาน สุดท้ายแล้ว เขาและเมิ่งเชียนชางยังมีการต่อสู้ที่ต้องตัดสินแพ้ชนะกันอีก ถึงแม้เมิ่งเชีนงชางเพิ่งจะบรรลุถึงเทพมารระดับเก้าได้เพียงไม่นาน แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขา เกรงว่าในแดนเดียวกันคงไม่มีใครเทียบได้ !
ถึงขั้นสามารถพูดได้อย่างไม่ต้องลังเลว่า ผู้แข็งแกร่งราชาเทพระดับเก้าจำนวนไม่น้อย ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา !
“เปรี้ยง !”
เวทย์รวมตัวเป็นมือขนาดใหญ่ และสังหารชายหนุ่มที่เมิ่งเชียนชางส่งมาในทันที หลัวซิวแปลงกายเป็นแสงกลเส้นหนึ่ง แล้วหายวับไปในห้วงดารา
สองคนนี้ตายด้วยน้ำมือของเขา เขาเชื่อว่าเมิ่งเชียนชางจะต้องรับรู้ในทันทีอย่างแน่นอน แต่ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะประมือกับเมิ่งเชียนชางได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่หลัวซิวต้องทำในตอนนี้ก็คือ ยกระดับการฝึกตนของตนเอง
เดิมทีหลัวซิววงแผนที่จะกลับไปยังหุบเขาปีศาจ แต่ไม่รู้ข่าวของเมิ่งเชียนชางเข้าโดยไม่คาดคิด ทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปเป็นการชั่วคราว และหาสถานที่ที่เหมาะแก่การปิดขังฝึกตนเป็นอันดับแรก และนำทรัพยากรต่าง ๆ จำนวนมากสำหรับการฝึกตนออกมา กองกันไว้จนเป็นภูเขา
วิชาโคจร เปลี่ยนแปลงไร้ลักษณ์ ร่างกายของเขากลายเป็นหลุมดำ พลังงานหมุนเวียนมาบรรจบกันเข้าสู่ร่างใน ราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากในแม่น้ำสายยาว
เมื่อมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์คอยสนับสนุน การฝึกตนของหลัวซิวก็เริ่มพัฒนาขึ้นในอัตราก้าวกระโดด ทุกหนึ่งชั่วยาม ผลการฝึกตนของเขาก็จะพัฒนาขึ้นอย่างยิ่ง ผลการฝึกตนในหนึ่งชั่วยาม ผลลัพธ์สามารถเทียบได้กับที่นักยุทธ์ทั่วไปปิดขังฝึกตนถึงสิบปี หรืออาจถึงร้อยปีก็เป็นได้ !
ผ่านไปเพียงแปดชั่วยาม ผลการฝึกตนของหลัวซิวก็บรรลุถึงเทพมารระดับเจ็ดช่วงกลางขั้นสูง ตามที่เขาประมาณการเอาไว้แต่เดิม อย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งปีจึงจะพัฒนามาถึงระดับนี้ได้
ตามแผนเดิมทีเขาวางไว้ ต้องใช้เวลาสิบปีในการบรรลุแดนเทพมารระดับแปด แต่การปรากฏตัวของเมิ่งเชียนชาง ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย ดังนั้เขาจึงต้องยกระดับผลการฝึกตนและกำลังรบของเขาให้สำเร็จภายในระยะเวลาอันสั้น
เวทย์อันปั่นป่วนคุกรุ่นอยู่ที่ร่างใน หลัวซิวไม่คิที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย กฎเกณฑ์การฝึกตนของแดนเล็ก ถูกเวทย์อันทรงพลานุภาพทำลายลงในชั่วพริบตา การฝึกตนของเขาบรรลุถึงเทพมารระดับเจ็ดช่วงปลายในทันที !
“เปรี้ยง !”
วินาที่ที่ฝ่าฝันกฎเกณฑ์การฝึกตนได้ ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็มาถึง หลัวซิวค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะ จากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
การฝึกตนที่พัฒนาอย่างรวดเร็วเกินไป จะทำให้แดนและรากฐานไม่มั่นคงได้ แต่ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธกลับช่วยให้เขาอาศัยพลังนอกในการช่วยหล่อหลอมตนเองได้ ทำให้แดนและรากฐานที่ไม่มั่นคงเพราะการบรรลุที่ก้าวกระโดดมั่นคงขึ้นมาได้
นักยุทธ์ธรรมดา ๆ หากบรรลุแดนเล็กจะไม่เกิดทัณฑ์สายฟ้าพิโรธขึ้น และเป็นเพราะอาศัยจุดนี้ หลัวซิวจึงกล้าฝืนข้อห้ามในการฝึกตน และยกระดับการฝึกตนอย่างบ้าคลั่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...