มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2811

สถานที่ตั้งของสถานแหล่งเต๋าซ่อนเร้นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นความลับที่วังนภาทั้งสิบสองต่างยึดกุม 

มีผู้อาวุโสคนหนึ่งของวังชิงเทียนปรากฏ โบกมือเรียกเรือรบออกมาหนึ่งลำ สายตากวาดมองพวกหลัวซิวแล้วพูดอย่างเสียงดัง: “ผู้ที่ได้รับโควต้าเข้าไปในสถานแหล่งเต๋าสามารถขึ้นไปได้เลย”

พอสิ้นเสียงผู้อาวุโสวังชิงเทียนคนดังกล่าว วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแต่ละคนก็ต่างพากันกระโดดขึ้นฟ้า แล้วร่วงลงบนดาดฟ้าของเรือรบ

ความคิดในใจถูกหลัวซิวปล่อยวางลงชั่วคราว อันที่จริงเขารู้ตั้งนานแล้วว่าเหตุใดเรื่องราวต่าง ๆ จึงถูกปกคลุมอยู่ในชั้นบรรยากาศที่ขมุกขมัว ทำให้เขาไม่สามารถมองทะลุได้ตลอดมา 

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะศักยภาพของเขายังไม่บรรลุถึงระดับขั้นนั้น มีเพียงหลังจากศักยภาพบรรลุถึงระดับขั้นที่แน่นอนแล้ว ความสับสนและสิ่งที่ขมุกขมัวนั่นถึงจะได้รับการคลี่คลาย 

คอยหลังจากทุกคนเดินขึ้นเรือแล้ว เรือรบลำนี้ก็ทะลุฟ้าพุ่งออกไปภายในพริบตา 

เนื่องจากเรือรบบินลอยอยู่ระหว่างปริภูมิที่แคบเล็ก เมื่ออยู่ในสถานที่ประเภทนี้ ก็ไม่สามารถระบุพิกัดได้เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นเมื่ออยู่บนเรือรบ แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเรือรบบินไปยังสถานที่ใด 

สถานที่ตั้งของสถานแหล่งเต๋าซ่อนเร้นมากถึงมากที่สุดเลย แม้ผู้อาวุโสจักรพรรดิเทพระดับเก้าแห่งวังชิงเทียนจะควบคุมเรือรบ แต่ก็ใช้เวลาสองวันกว่าเช่นกัน เรือรบถึงจะหยุดลง

เมื่อเรือรบหยุดลง เหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่อยู่ในห้องโดยสารก็ต่างพากันลืมตาขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย จากนั้นต่างก็พากันเดินออกมา มาถึงชั้นดาดฟ้าของเรือรบ

หลังจากขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าแล้ว ทุกคนถึงจะพบว่าเรือรบอยู่ในอนัตตาห้วงหนึ่ง บริเวณรอบ ๆ ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย มีเพียงความมืดและความเย็นเยือกที่ไร้ขอบเขต  

“ที่นี่ก็คือทางเข้าของสถานแหล่งเต๋า พวกเจ้าโปรดจงจำไว้ด้วยว่าหลังจากข้าเปิดทางเข้าแล้ว พวกเจ้าจำเป็นต้องรีบเข้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หากพลาดโอกาสเพราะตนเอง ก็ต้องแบกรับผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยตนเอง!”

น้ำเสียงของผู้อาวุโสแห่งวังชิงเทียนเย็นชา ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็หยิบม้วนหนังสือสมัยโบราณออกมาหนึ่งม้วน 

“เวิ่ง!”

จากการที่มีพลังเวทย์ผลการฝึกตนสั่นกระเพื่อมออกไป ม้วนหนังสือก็ถูกผู้อาวุโสวังชิงเทียนกางออก เห็นเพียงบนหนังสือม้วนดังกล่าวตราประทับ 12 ตรา!

ตราประทับทั้ง 12 ตรานี้มีกระบี่เทพ หอคอยเทว ระฆังเซียน ศิลาเทว รูปร่างลักษณะแตกต่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับพลังเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 ประเภท

พลังเต๋าสวรรค์ทั้ง 12 ประเภทบินไปยังอนัตตา จากนั้นก็มีประตูปริภูมิบานหนึ่งเปิดออกตรงหน้า

วินาทีนี้ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสวังชิงเทียนพูด เหล่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศก็ต่างพากันบินขึ้นไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด มุ่งหน้าตรงไปยังประตูปริภูมิ!

ขณะที่เงาร่างของหลัวซิวเข้าไปในประตูปริภูมิ เขาก็สัมผัสได้ว่าตัวสำนึกของผู้อาวุโสวังชิงเทียนนั่นวนเวียนอยู่ในละแวกใกล้เคียงของตัวเองตลอดเวลา อ้างอิงจากเบาะแสต่าง ๆ ที่เขายึดกุม ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์เมื่ออดีตชาติของเขาและวังชิงเทียนจักไม่ดีเท่าไหร่นัก ยิ่งกว่านั้นคือสามารถพูดได้เลยว่าอาจารย์เขาเป็นศัตรูคู่แค้นของทั้งเผ่าฟ้า

สิ่งที่ทำให้หลัวซิวรู้สึกโชคดีคือผู้อาวุโสวังชิงเทียนคนนั้นไม่ได้ลงมือต่อเขาแต่อย่างใด ครั้นเมื่ออยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียน เจ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งวังนภาสิบสองก็ไม่ได้ลงมือต่อเขาเช่นกัน 

ในระหว่างที่นึกคิดอยู่นั้น หลัวซิวก็ทะลุผ่านประตูปริภูมิ ต่อมาสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเขาคือทางปริมภูมิที่มืดมนหนึ่งเส้น

สำรวจดูบริเวณรอบ ๆ หลัวซิวยังมองเห็นคนอื่น ๆ ด้วย นอกเหนือจากโควต้าสิบที่ที่ได้รับจากการคัดเลือกประลองยุทธ์แล้ว วังนภาสิบสองก็ต่างมีโควต้าไม่น้อยเช่นกัน เมื่อรวมโควต้าทั้งหมดที่เข้ามาในสถานแหล่งเต๋าแล้ว ก็มีทั้งสิ้น 33 คน

เนื่องจากเคยผ่านพ้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหอคอยนภากาศ หลัวซิวจึงค่อนข้างละเอียดอ่อนกับตัวเลข 33 เพราะลู่ยู่จื่อเคยบอกว่าธรรมที่ดั้งเดิมที่สุดของดาราจักรวาลมีทั้งหมด 33 ประเภท!

ในตำนานที่เก่าแก่มาก ๆ ธรรมดั้งเดิมทั้ง 33 ประเภทได้วิวัฒนาการ 33 สวรรค์ออกมา และโควต้าที่ได้เข้ามาในสถานแหล่งเต๋าก็มี 33 คนเช่นกัน จึงแสดงให้เห็นเลยว่านี่น่าจะสอดคล้องกับธรรมดั้งเดิม 

อย่างไรเสียหากสามารถส่งจำนวนคนที่มากกว่านี้เข้ามาในสถานแหล่งเต๋าได้ละก็ วังนภาสิบสองย่อมไม่มีทางมีโควต้าแค่ 33 คนโดยบังเอิญมากขนาดนี้อยู่แล้ว หากสามารถเพิ่มโควต้าหนึ่งที่ได้ตามอำเภอใจ เช่นนั้นก็ต้องมีผู้คนแก่งแย่งกันอย่างเลือดตกยางออกแน่นอน  

ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่ามีจิตสังหารหนึ่งที่ดุดันอย่างยิ่งร่วงลงบนตัวตนเองโดยที่ไม่มีการปิดบังเลยแม้แต่น้อย ฝ่ายตรงข้ามคือชายที่หน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่ง เมื่อหลัวซิวมองเห็นคนดังกล่าว สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือจอมเทพทมิฬที่ถูกเขากำจัดทิ้งบนเวทีประลองยุทธ์ 

หลังจากวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้ง 33 คนข้ามผ่านประตูปริภูมิเข้ามาแล้วไม่ได้เกิดความขัดแย้งกันแต่อย่างใด ทุกคนล้วนมุ่งหน้าไปข้างหน้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แม้แต่ชายอัปลักษณ์ที่แสดงจิตสังหารต่อหลัวซิวก็ไม่ได้ลงมือทันทีเช่นกัน 

ทุกคนที่อยู่ภายในทางเหนือนภาที่มืดมนล้วนนิ่งเงียบ ภายในทางเหนือนภาไม่มีพลังรวมไปถึงออร่าเกณฑ์ใด ๆ ที่เข้มข้น ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจดีมาก ๆ ว่ายังไม่ถึงสถานที่ตั้งที่แท้จริงของสถานแหล่งเต๋า 

เส้นทางดังกล่าวยาวมาก หลังจากเดินอยู่เกือบสองชั่วโมง แท่นบูชาวาร์ปที่เก่าแก่แท่นหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า 

สถานแหล่งเต๋าซ่อนเร้นอย่างยิ่ง ซึ่งได้รับการปลุกเสกผนึกด้วยมหาอิทธิฤทธิ์ของประมุขเต๋าสวรรค์ทั้ง12 แห่งเผ่าฟ้าตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้ว และมีเพียงใช้แท่นบูชาวาร์ปดังกล่าว ถึงจะสามารถมุ่งไปยังสถานแหล่งเต๋าที่แท้จริงได้ 

ค่ายวาร์ปที่อยู่บนแท่นบูชานี้ลึกซึ้งมาก ความล้ำลึกของปริภูมิที่แฝงซ่อนอยู่ภายในบรรลุถึงแดนที่สูงมาก ๆ แล้ว หลัวซิวก็มองเงื่อนงำอะไรไม่ออกเช่นกัน

เขาไม่ได้ทำอะไรผลีผลาม เนื่องจากเขาไม่ค่อยทราบเรื่องราวที่เกี่ยวกับสถานแหล่งเต๋า และในเมื่อเขาไม่ได้ขยับไปที่ใด ฮู๋ชิงชิงก็ย่อมยืนนิ่งอยู่ข้างกายเขาอยู่แล้ว

มีคนบางส่วนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขา เห็นเพียงเหล่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแห่งวังนภาสิบสองต่างพากันเดินขึ้นแท่นบูชา บนแท่นบูชาดังกล่าวมีช่องสี่เหลี่ยมทั้งหมด 33 ช่อง ซึ่งตรงกลางของทุกช่องล้วนเป็นหลุมยุบลงไป ศิษย์วังนภาแต่ละคนต่างทยอยหยิบหินบรรพไท่ชูออกมาคนละก้อน แล้วใส่เข้าไปในช่องหลุมดังกล่าว 

“ต้องใช้หินบรรพไท่ชูถึงจะสามารถวาร์ปได้หรือ?”หลัวซิวหรี่ตาลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ