มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2836

“การมาเยือนของมหาทัณฑ์ในครั้งนี้ โอกาสจุติเซียนก็ตามลงมาด้วย แต่ข้าก็มิอาจนิ่งนอนใจได้ว่าจะสามารถคว้ามันไว้ได้ ข้าลองคิดว่าหากร่วมมือกับศิษย์น้อง หากข้ากับเจ้าสองศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมมือกัน จะต้องได้อุบัติเป็นเซียนแน่!”

โดยไม่ต้องมีพิธีรีตองแต่อย่างใด ผู้เฒ่าเทียนชูเองก็รู้ดีว่าศิษย์น้องของตนผู้นี้ไม่โปรดปราณวาจาที่อ้อมค้อม ดังนั้นเขาจึงบอกจุดประสงค์ในการเดินทางมาครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา

ท่ามกลางกระท่อมมุงจากแห่งปริภูมิม่วงทองโกลาหล ผู้เฒ่าเทียนชูกับมกุฎเต๋าอวกาศแต่ละคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูกรองนั่ง

มกุฎเต๋าอวกาศมีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานานแสนนาน แต่ไม่มีบนร่างกายของเขากลับไร้ซึ่งร่องรอยการแปรผันของวันเวลา ราวเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้านิ่งและสงบอยู่ตลอดเวลา

“ศิษย์พี่กำลังล้อข้าเล่นหรือ? ในบรรดาพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้อง หากพูดกันด้วยเรื่องสติปัญญา มิมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงท่านได้ มหาทัณฑ์ที่โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดครั้งนี้ เดิมทีก็เป็นหนึ่งในแผนการของศิษย์พี่มิใช่หรือ?” มกุฎเต๋าอวกาศพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

ได้ยินดังนั้น ผู้เฒ่าเทียนชูก็เผยรอยยิ้มลำบากใจออกมา ก่อนจะพูดพร้อมกับถอนหายใจ “โอกาสจุติเซียนใช่ว่าจะได้รับมันมาอย่างง่ายได้เสียเมื่อไหร่? เมื่อคราก่อนที่เรานั่งฟังท่านราชาเซียน ในบรรดาพวกเราทั้ง14คน เจ้ามีคุณสมบัติพรสวรรค์ที่สูงที่สุด แต่เมื่อเวลาอันยาวนานผ่านพ้นไป แม้แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถเป็นเซียนได้……”

“อีกทั้งมหาทัณฑ์ครั้งนี้ หากมีโอกาสจุติเซียนปรากฏขึ้น ผู้คนที่โลภในโอกาสนี้ จะมีเพียงแค่ข้าหรืออย่างไร? คาดว่าทุกสิ่งที่อาศัยในห้วงดาราพื้นโลกอื่น ๆ ก็ต้องถือโอกาสในตอนที่โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดของเราอยู่ในมหาทัณฑ์โกลากลเข้ามาแย่งชิงโอกาสในการจุติเซียนเป็นแน่”

“พวกท่านทั้งแปดร่วมกันรับมือทุกอย่างได้ เหตุใดจึงต้องดึกข้าเข้าไปเกี่ยว?” มกุฎเต๋าอวกาศพูดพร้อมขมวดคิ้ว

“หรือศิษย์น้องไม่คิดเป็นเซียน?”

“แน่นอนว่าข้าคิด!” น้ำเสียงของนักพรตอวกาศก้องกังวาลดังคมดาบ เหมือนมีแสงทิพย์ฉายออกมาจากนัยน์ตา แล้วพูดออกมาทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าก็คิดที่จะอุบัติเป็นเซียน แต่สิ่งที่ข้าคิดจะเป็น ไม่ใช่เซียนที่อาศัยโอกาสเพื่อก้าวไปเป็นเซียน แต่เป็นเซียนที่อาศัยการฝึกตนของข้าเอง!”

“จุติเซียนมีสองวิธี ร่างเนื้อศักดิ์สิทธิ์ กลั่นวิญญาณเป็นเซียน นี่คือสิ่งที่อาจารย์ราชาเซียนของพวกเราเคยพร่ำสอนเอาไว้ มีเพียงอาศัยผลสำเร็จของสองวิธีนี้เท่านั้น ตำหน่งเซียนจึงจะเป็นเซียนที่แท้จริง หากอาศัยโอกาสและโชคลาภที่สร้างขึ้นมาหลอมรวมกับวิถีมนุษย์เพื่อจุติเซียน นั่นก็เป็นเพียงเสมือนเซียน ถึงแม้ว่าจะจุติเซียน แต่ก็ยากที่จะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่”

มกุฎเต๋าอวกาศส่ายศีรษะไปมา “ศิษย์พี่ตอนที่ท่านมาที่นี่ข้าก็ได้พูดเอาไว้แล้ว ระหว่างท่านกับข้า วิถีแตกต่างกันแผนการต่างกัน หากเป้าหมายของท่านมอบคือฝากความวางใจในวิถีเซียนของผู้อื่นเพื่อจุติเซียน ข้าก็จะไม่ร่วมมือกับพวกท่านเป็นอันขาด”

เมื่อคำนี้ถูกพูดออกไป ผู้เฒ่าเทียนชูก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชาในทันที อันที่จริงก่อนที่จะมาที่นี่ เขาก็เตรียมใจไว้แล้วสำหรับการถูกปฏิเสธ เพราะว่าเขาเข้าใจศิษย์น้องผู้นี้เป็นอย่างดี เขามีคุณสมบัติที่สะเทือนฟ้า เคยถูกอาจารย์ราชาเซียนยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีความหวังสูงสุดในการเป็นเซียนที่แท้จริงในหมู่พวกเขาทั้ง 14 คน

“ศิษย์น้อง เจ้าคิดว่าจะสามารถยืนดูอยู่เฉย ๆ ได้อย่างนั้นหรือ? หากถูกเจ้าพวกนั้นที่มาจากโลกาฟ้าดินหลิงหลงแช่งชิงโอกาสไป เจ้าคิดหรือว่าพวกมันจะปล่อยเจ้าไว้? ถึงอย่างไรหากว่าเจ้าได้เป็นเซียนที่แท้จริง ก็จะต้องเป็นขวากหนามขนาดใหญ่ที่คอยทิ่มแทง พวกมันไม่ที่ทางใจดีไว้ชีวิตเจ้าเป็นแน่” ผู้เฒ่าเทียนชูพูดย้ำไปมาราวกับคนแก่ขี้บ่น

“แล้วอย่างไร? ข้าอยู่ที่แห่งนี้ จัดตั้งการทดสอบแดนเซียน นั่นก็เพื่อสืบทอดวิถีเซียนของข้า หากแม้ข้าต้องดับสูญไปท่ามกลางระเบิดมหาทัณฑ์ แต่วิถีเซียนของข้าก็จะยังถูกถ่ายทอดต่อไปนิจนิรันดร์!”

ท่าทีของมกุฎเต๋าอวกาศมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก เขาขยับมือโบกสะบัดออกไปครั้งหนึ่ง ปริภูมิก็กระเพื่อมออกเป็นระลอกคลื่น กลายเป็นกระจกเงา เผยให้เห็นภาพทิวทัศน์ด่านหนึ่งของนักพรตผนึกฟ้า

“นานมาแล้วก่อนยุคแห่งความโกลาหล ข้าก็คาดการณ์เอาไว้ถึงโอกาสจุติเซียนที่ลงมาพร้อมกับมหาทัณฑ์ ดังนั้นข้าจึงได้เปิดพสุดาราอวกาศสร้างแดนเซียนเก้าด่าน เป็นการหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมกับแก่สืบทอดวิถีเซียนของข้า”

มกุฎเต๋าอวกาศเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สายตาจับจ้องไปยังร่างทั้งสองของหลัวซิวและมกุฎเทพหยุนซวน “ท่ามกลางวันคืนในยุคแห่งความโกลาหล ก็มีเพียงเขาทั้งสองคนนี้เท่านั้นที่สามารถเดินทางมาถึงด่านที่เก้าได้”

“สามารถฝ่าเข้ามาถึงด่านที่เก้าได้ นั่นหมายความว่าพวกเขามีคุณสมบัติของประมุขเต๋า หากสามารถฝ่าด่านที่เก้าไปได้ นั่นก็หมายถึงมีคุณสมบัติของมกุฎเต๋า คือความหวังที่จะอุบัติเป็นเซียนในภายหน้า!”

“ศิษย์น้องเล็กก็รวมอยู่ในนั้นด้วย หรือว่าเจ้าตั้งใจจะรับศิษย์น้องเล็กไว้เป็นศิษย์หรือ?” ผู้เฒ่าเทียนชูขมวดคิ้ว

มกุฎเต๋าอวกาศส่ายศีรษะไปมา “ถึงแม้ว่าศิษย์น้องเล็กจะสามารถฝ่าด่านที่เก้าได้ ข้าก็จะไม่รับนางไว้เป็นศิษย์ เพราะนางไม่จำเป็นต้องได้รับการสั่งสอนจากข้า ในสายเลือดของนางแต่เดิมแล้วก็มีการถ่ายทอดวิถีของอาจารย์ราชาเซียนอยู่แล้ว กระทั่งความหวังในการจุติเซียนนางก็อาจจะเป็นไปได้มากกว่าข้าเสียอีก”

“เช่นนั้นก็เหลือเจ้าหนุ่มคนนั้นแล้ว” ผู้เฒ่าเทียนชูยกมือขึ้นชี้ไปยังหลัวซิวที่อยู่ในกระจก และค่อย ๆ พูดต่อ “ข้าได้ยินมาเกี่ยวกับเจ้าหนุ่มผู้นี้ ในสมัยวัฏสงสารถึงจุดจบ ก็เป็นเจ้าหนุ่มผู้นี้ที่เป็นผู้จุดชนวนไปสู่การเปิดศักราชแห่งผู้สูงส่ง ท่ามกลางสงครามมหาทัณฑ์วัฏสงสาร โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดไร้ซึ่งผู้แข็งแกร่ง เขายังเป็นคนแรกที่ฝึกตนเป็นผู้สูงส่ง มีพรสวรรค์หาที่เปรียบมิได้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมทีเดียว!”

“น่าเสียดายที่แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะสูงส่ง แต่เขากลับมีการกระทำที่บุ่มบ่าม ผู้สูงส่งที่สำเร็จเป็นคนแรกนั้นรบรากับผู้สืบทอดแห่งจ้าววัฏสงสารรุ่นที่เก้า ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ทำลายล้างกงล้อวัฏจักรธรรมจนสลาย”

“ถึงแม้ว่าในภพนี้เขาจะสามารถเกิดใหม่ได้สำเร็จ แต่ผลการฝึกตนก็ต่ำเกินไป แม้แต่ผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้ายังไม่สามารถครอบครองได้”

“ผลการฝึกตนหาใช่ปัญหาไม่ เพียงแค่เขามีความสามารถและพรสวรรค์เฉกเช่นนี้ ข้าก็จะรับเขาเป็นศิษย์ ส่งต่อวิถีเต๋าของข้า!” สายตาของมกุฎเต๋าอวกาศนิ่งสงบแน่วแน่

ภายในกระจกเงานั้น ประมุขเต๋าเฟิงเทียนก็กดผลการฝึกตนของตนเอาไว้ที่แดนเทพมารขั้นสูงขั้นแปด ในเวลานี้กำลังทำสงครามที่ยิ่งใหญ่อยู่กับหลัวซิว รบรากันอย่างดุเดือด

ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลัวซิวต่างก็ใช้วิธีการข้ามแดนสังหารศัตรูในการเดินอยู่บนเส้นทางแห่งโลกยุทธ์ที่ละก้าว ๆ ไปจนถึงจุดสูงสุด ศัตรูที่อยู่ในแดนเดียวกันเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา แต่ในครั้งนี้ เขากลับเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เพราะผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้มีผลการฝึกตนในระดับเดียวกับเขา ทั้งยังเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติแห่งประมุขเต๋า เมื่อเทียบกับเขา พลังนั้นไม่ได้แตกต่างกันจนเห็นได้ชัด

“ปลดปล่อยพลังรบ!”

ออร่ารอบกายพุ่งปะทุ เพียงก้าวแรกหลัวซิวก็ปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดออกมา เห็นเพียงสองมือของเขาขับเป็นตราประทับ พลังอมตะตราสรรพสิทธิ์ก็พลันสำแดงออกมา วินาทีต่อมา พลังอมตะสรรพสิ่งที่มหาศาลปกฟ้าคลุมดิน ก็พากันระเบิดออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ