มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2838

การโจมตีครั้งแรกของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธมาจากพลังแห่งเกณฑ์ธาตุทอง เมื่อเห็นดวงแสงดาบที่ลุกโชนฟาดฟันเข้ามา ร่างเงาของหลัวซิวยังคงยืนนิ่งอยู่

“เหวิง!”

กงล้อเทพไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้นด้านหลังศีรษะของเขา ไร้ลักษณ์แปรเปลี่ยนสรรพสิทธิ์ เห็นเพียงระหว่างที่เขายกมือขึ้นก็ปรากฏแสงเทวส่องประกายระยิบระยับ เสียงดังสนั่นของแสงดาวอยู่ระหว่างนิ้วมือ ต่อต้านกับดวงแสงดาบอยู่

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงฟ้าฝ่าดังก้องสามครั้งติดต่อกัน จากนั้นก็มีอัสนีเทวสีเขียวสามสายฝ่าลงมา ทุก ๆ สายอัสนีเทวต่างเต็มไปด้วยพลังแห่งเกณฑ์ธาตุไม้

กฎธาตุไม้สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งชีวิตได้ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพิษ ทำให้คนตายได้เช่นกัน

หลัวซิวก้าวเท้าไปบนอากาศ เขาพลิกมือกลางอากาศ แสงเทวสุกสว่างหลอมรวมอยู่ในฝ่ามือ ส่องประกายถึงขีดสุด กระพริบประกายแสงเซียนที่พร่ามัว แสงเซียนแปรเปลี่ยนเป็นมือขนาดมหึมา รับมือกับสายฟ้าเขียวธาตุไม้สามสาย

พลังอมตะวิชานี้ มีนามว่าตราฝ่ามือราชาเซียน เป็นพลังอมตะวรยุทธเซียนที่หลัวซิวได้ตระหนักรู้จากเศษเสี้ยวตราประทับระฆังสำริดที่แดนปริศนานอกนภา!

ท่ามกลางเสียงอึกทึก สายฟ้าจำนวนมากยิ่งตกลงมา น้ำไฟปะทุ กฎอันทรงพลัง กดให้ร่างของหลัวซิวจมอยู่ภายใต้ทะเลสายฟ้า

“ทะยานเซียน!”

หลัวซิวคำรามเสียงต่ำ ร่างกายของเขาก็พลันแผ่กระจายแสงเซียนออกมา เขาหมุนตัวครั้งหนึ่งและหายไปในพริบตา กลายเป็นแสงเซียนสายหนึ่ง พลังอำนาจไม่อาจต้านทาน พุ่งตรงเข้าไปทำลายการกลั่นแปรของน้ำไฟ

ทัณฑ์สายฟ้าครั้งนี้ เริ่มด้วยทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน จากนั้นตามด้วยลมและสายฟ้าโหมกระหน่ำ กดทับพลังหยินหยาง ทัณฑ์สายฟ้าเช่นนี้มันได้เกินกว่าขอบเขตของมหาทัณฑ์เทพมารขั้นเก้าไปแล้ว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพขั้นเก้าต้องมาเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าที่น่าหวาดเกรงเช่นนี้ ก็ยังต้องดับสูญทั้งร่างและวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม ภูมิหลังของหลัวซิวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เพื่อที่จะบรรลุกฎเกณฑ์ของผลการฝึกตน เขาอยู่ในแดนเทพมารขั้นแปดนี้อย่างมั่นคงเป็นเวลาหนึ่งปี สั่งสมทีละเล็กละน้อย ไม่ว่าทัณฑ์สายฟ้าจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้เพียงเสี้ยวเล็บ

ทัณฑ์สายฟ้าขั้นเก้าผ่านไป แสงเทวรอบกายของหลัวซิวก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้น เดิมทีผลการฝึกตนของเขาบรรลุกฎเกณฑ์เป็นเทพมารขั้นเก้าแล้ว พลังรบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หลังจากผ่านการชุบร่างของทัณฑ์สายฟ้า พลังเต๋าของเขาก็ยิ่งหลอมรวม พลังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี

เก้าคือเลขที่สูงที่สุด เดิมทีหลัวซิวคิดว่าหลังจากผ่านทัณฑ์สายฟ้าขั้นเก้าแล้ว ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธครั้งนี้ก็น่าจะถือว่าสิ้นสุดแล้ว

แต่ในวินาทีที่ใจของเขาผ่อนคลายลงเพียงเล็กน้อย ก็มีสายฟ้าสายหนึ่งซึ่งรวดเร็วมาก เมื่อตัวสำนึกของหลัวซิวสัมผัสได้ถึงมัน ก็สายเกินกว่าที่จะหลบได้แล้ว

“ปัง!”

ความเร็วที่เกินขีดจำกัดนั้นมีพลังมหาศาลและน่าสะพรึงกลัว ทันทีที่โดนแสงอัสนีอัดเข้ากับร่างกาย ร่างของหลัวซิวก็กระเด็นออกไป ค่ายคุ้มกันยันต์ค่ายสามสิบสามชิ้นที่อยู่รอบตัวเขาพากันระเบิดออกเป็นจุล ร่างเนื้อยังถูกโจมตีจนทะลุเป็นโพลงเลือด เลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทาง

หลัวซิวเงยหน้าขึ้นไปมอง จากนั้นฉันก็เห็นภาพมายาคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่ง ค่อย ๆ ปรากฏออกมาจากสายฟ้าที่พันกันเป็นเกรียวบนท้องฟ้า

“สิ่งล้ำค่าคัมภีร์สวรรค์?”

ถึงแม้ว่าหลัวซิวจะไม่เคยเห็นคัมภีร์สวรรค์มาก่อน แต่วินาทีที่มองเห็นภาพมายาคัมภีร์เล่มนี้ เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าต้องเป็นคัมภีร์สวรรค์

สถานที่ที่เขาข้ามผ่านทัณฑ์นั้น คือห้วงดาราแห่งโลกสวรรค์ โลกสวรรค์เป็นโลกที่เปิดขึ้นโดยบรรพสวรรค์หนึ่งในบรรพโบราณ บรรพสวรรค์จัดการดูแลคัมภีร์สวรรค์ ฝึกตนด้วยคัมภีร์สวรรค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทียนเต้า เช่นนั้นท่ามกลางทวยเทพธรรมเวชแห่งโลกสวรรค์ ก็ต้องมีเจตจำนงค์ของสิ่งล้ำค่า คัมภีร์สวรรค์หลงเหลืออยู่

สายตาจับจ้องไป หลัวซิวเหมือนจะเห็นได้อย่างเลือนราง ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ได้ถูกเปิดออก บนหน้ากระดาษที่โบราณเก่าแก่นั้น มีธรรมเวชจำนวนมหาศาลซ้อนทับกันไปมา กลายเป็นคำว่า ‘สิง’

หนึ่งในสิบสองคัมภีร์สวรรค์ วิถีแห่งสิงเทียน เป็นตัวแทนทัณฑ์สิงของธรรมฟ้าดิน!

“โครมคราม……”

พลังแห่งสิงเทียนระเบิดออก แสงอัสนีไร้ที่สิ้นเกี่ยวพันกันไปมา กลายเป็นตราประทับหนึ่ง เคลื่อนตัวเข้ามาบดขยี้หลัวซิว ทั้งแข็งแกร่งทั้งโหดร้าย

วินาทีนี้เอง หลัวซิวเรียกได้ว่ารู้สึกเหมือนหมุษย์ตัวคนเดียวกำลังต่อกรกับทวยเทพธรรมเวช

วิถีไร้ลักษณ์ผันแปร พลังชีวิตมหาศาลปะทุอยู่ภายในร่างกาย ร่างเนื้อที่ถูกแทงทะลุเป็นโพล่งนั้นเพียงพริบตาก็สามารถสมานแผลได้อย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า พลังเต๋าปะทุ ค่ายคุ้มกันยันต์ค่ายทั้ง 33 ชิ้นที่ถูกทำลายไปก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว หลอมรวมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“ทะยานเซียน!”

ร่างของหลัวซิวระเบิดแสงเซียนอันสุกสกาวขึ้นอีกครั้ง ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ราวกับเซียนที่บินทะยานขึ้นฟ้า ฝ่ามือจับเป็นวิชาตราประทับ ตั้งรับตราประทับสิงเทียน

พลังอำนาจแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเกินจินตนาการเคลื่อนตัวลงมา วินาทีที่วิชาตราประทับและตราประทับสิงเทียนชนเข้าด้วยกันก็ถูกโจมตีจนสลายไปทันที จากนั้นแสงเซียนรอบกายของหลัวซิวก็ค่อย ๆ ดับมอดลง ร่างกายกระเด็นลอยออกไป เลือดสดพุ่งกระฉูด

“นี่จึงจะเป็นทัณฑ์สายฟ้าที่แท้จริงของข้างั้นหรือ? ถึงขั้นดึงเอาภาพมายาคัมภีร์สวรรค์แห่งธรรมเวชโลกสวรรค์มาเพื่อเป็นเซียนลงทัณฑ์ต่อข้า?”

ถึงแม้ว่าทั้งตัวจะโชกไปด้วยเลือด แต่หลัวซิวกลับยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้ ทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาก็สูญเสียแววตาไป กลายเป็นความว่างเปล่า บนร่างของเขามีแสงเทวแผ่กระจายออกมาอีกครั้ง แสงเทวส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ สรรพสิทธิ์ล่าถอย หายไป และดับสูญ!

“สรรพวิถีล้วนว้าง!”

หลัวซิวพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง หมุนแสงเทวด้วยมือทั้งสอง ตราประทับสิงเทียนถูกดูเข้ามาในวังวน ภายใต้พายุหมุนของสรรพวิถีล้วนว้าง พลังอำนาจก็ค่อย ๆ ลดระดับจนอ่อนลง

ไม่นาน ตราประทับสิงเทียนก็หายเข้าไปในวังวนอย่างสมบูรณ์ ถูกหลัวซิวใช้พลังอมตะสรรพวิถีล้วนว้างทำลายสิ้น

แต่ภาพมายาคัมภีร์สวรรค์ ณ ส่วนลึกของห้วงดาราก็ยังคงอยู่ แสงอัสนีสายแล้วสายเล่าถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่หลัวซิวก็ไม่ได้นั่งรอความตายอยู่เฉย ๆ ร่างของเขากระพริบ พลันพุ่งตรงไปยังภาพมายาคัมภีร์สวรรค์

“กงล้อเทพไร้ลักษณ์!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ