“หลัว...เจ้าไม่เป็นไรนะ?”
ตู๋กูเจี้ยนเฉินไม่ได้ไล่ตาม ยันต์ทะลุฟ้าที่คู่ต่อสู้ใช้มีระดับสูงมาก เขาเองก็ไม่เชี่ยวชาญในวิถีแห่งเต๋าปริภูมิ แม้ว่าเขาจะไล่ตามไปก็ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับชื่อเรียกของหลัวซิวนั้น ตู๋กูเจี้ยนเฉินรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย มันคงจะดีถ้าเจ้าแดนไม่ได้บอกเขาถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อเจ้าแดนได้พูดถึงแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่เขาควรเรียกหลัวซิวว่าอาจารย์อาถึงจะถูก
แต่เรียกแบบนี้ ตู๋กูเจี้ยนเฉินเรียกออกมาไม่ค่อยได้
“เจ้าดูแล้วข้าเหมือนไม่เป็นไรไหม?” หลัวซิวพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนล้า “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เกรงว่าข้าจะต้องตายจริงๆ”
“จะมีจักรพรรดิเทพสี่คนร่วมมือกันโจมตีเจ้าได้อย่างไร? พวกเขาเป็นใครกัน?” ตู๋กูเจี้ยนเฉินพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว แม้ว่าอาการบาดเจ็บของหลัวซิวหักมาก แต่เขาไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ เพราะเขารู้ดีว่าอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยนี้ยังเอาชีวิตของเขาไม่ได้
“น่าจะเป็นคนของจ่างเทียนตี้เมิ่งเชียนชางกลายเป็นโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ่างเทียนตี้ ข้าบังเอิญเจอเขาในเมืองต้าฮวงโบราณ...” หลัวซิวกล่าว
“เมิ่งเชียนชาง!?”
รูม่านตาของตู๋กูเจี้ยนเฉินหดตัวลง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เขาจะไม่มีวันลืมว่าเขาเกือบตายด้วยน้ำมือของเมิ่งเชียนชางในตอนนั้น หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากไท่ซ่างฉิง ตู๋กูเจี้ยนเฉินก็จะไม่มีวันรอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้
“ตอนนี้เจ้าฆ่าเขาเหมือนฆ่าไก่ แต่เมิ่งเชียนชางจะไม่วิ่งมาตายตรงหน้าเจ้าอย่างโง่เขลา”
แม้ว่าทั่วร่างของเขาจะเต็มไปด้วยเลือด แต่หลัวซิวก็ยังมีอารมณ์ล้อเล่นอยู่ที่นี่ ซึ่งทำให้ตู๋กูเจี้ยนเฉินหมดคำพูดที่จะพูดจริงๆ
ทานยารักษาอาการบาดเจ็บควบคู่ไปกับพลังแห่งกำเนิดของวิวัฒนาการไร้ลักษณ์ อาการบาดเจ็บของหลัวซิวฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ในช่วงพักฟื้นของหลัวซิว ตู๋กูเจี้ยนเฉินยืนเคียงข้างเขาตลอดเวลา และ จ่างเทียนตี้ก็ไม่ได้ส่งคนมาแอลลอบโจมตีและสังหารพวกเขา
เมื่อหลัวซิวลืมตาขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาก็หายดีเกือบหมดแล้ว เห็นเพียงเขาโบกมือ ก็ปล่อยชีชีและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนออกจากสมบัติปริภูมิ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนตะโกนโหวกเหวกทันทีที่เขาออกมา จู่ๆ เขาก็ถูกโจมตีโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเทียบกับลิ่งฮู๋จื่อเซวียนแล้ว สีหน้าของชีชีสงบกว่ามาก นางแค่จ้องมองหลัวซิวด้วยสายตาที่ซับซ้อน
ไท่ซ่างฉิง เคยเป็นคนที่นางนับถือมากที่สุด แต่ก่อนที่อาจารย์ของนางจะตาย นางบอกนางว่าไท่ซ่างฉิงเป็นศัตรูของนาง และอาจารย์ขอให้นางตามหาการกลับชาติมาเกิดของไท่ซ่างฉิง แล้วฆ่าเขา... …
“ครั้งนี้ ข้าทำให้พวกเจ้าตกไปอยู่ในอัตราย เปล้าหมายของอีกฝ่ายคือข้า” หลัวซิวกล่าวขอโทษ
“เขา...คือ...”
ในขณะนี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเห็นตู๋กูเจี้ยนเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลัวซิว แม้ว่าลิ่งฮู๋จื่อเซวียนจะไม่เคยเห็นเจี้ยนเฉินมาก่อน แต่เขาเคยเห็นรูปเหมือนของเจี้ยนเฉินในหนังสือของตระกูล เพราะตู๋กูเจี้ยนเฉินและบรรพบุรุษของตระกูลลิ่งฮู๋นั้นเป็นคนสมัยเดียวกัน!
ชีชีก็เห็นตู๋กูเจี้ยนเฉินด้วยเช่นกัน แม้ว่านางจะมองผลการฝึกตนของเขาไม่ออก แต่นางก็รู้ว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่หยั่งลึกไม่ถึง
“วันนี้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้”
ชีชีพูดอย่างเฉยเมย หลังจากมองดูหลัวซิวอย่างนิ่งๆแล้ว นางก็หันกลับและจากไป รูปร่างของนางดูอ่อนช้อย แต่มีร่องรอยของความหนาวเย็น ความเศร้าโศก และความสับสน
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเกาหัว ทันใดนั้นก็ยิ้มอย่างเคอะเขินให้หลัวซิวและติดตามชีชีไปโดยไม่ลังเล
“นางอยากฆ่าเจ้า?” เมื่อเห็นชีชีพวกเขาทั้งสองจากไป ตู๋กูเจี้ยนเฉินมองไปที่หลัวซิวที่อยู่ข้างๆเขาด้วยความสงสัย
“นางเป็นศิษย์ของหยูเวย” หลัวซิวกล่าว
“ฉินหยูเวย?” มีนัยแห่งความเข้าใจในดวงตาของตู๋กูเจี้ยนเฉิน เมื่อเขาสังเกตเห็นความจนปัญญาบนใบหน้าของหลัวซิว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้าสมควรจริงๆ ใครให้เจ้าเก่งกาจมากเช่นนี้ ใครทำให้เจ้าปล่อยเสน่ห์ไปทั่วกัน? นี่คือกรรม นี่คือกรรม!”
ในฐานะคนร่วมสมัยเดียวกัน ตู๋กูเจี้ยนเฉินรู้จักฉินหยูเวยโดยธรรมชาติและรู้ด้วยว่าฉินหยูเวยเป็นผู้สืบทอดของขิมเก้าบรรเลงอาดูรในยุคสมัยนั้น ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ว่าฉินหยูเวย เป็นผู้หญิงที่ทรงพลังมาก สิ่งที่นางไม่ได้มานางยอมที่จะทำลายมันลง!
“เรากลับกันเถอะ” หลัวซิวส่ายหัว ไม่ได้ฟังคำพูดของตู๋กูเจี้ยนเฉิน
...
กองกำลังของจ่างเทียนตี้แผ่กระจายไปทั่วโลกมหาศักดิ์อัษฎทิศ ในส่วนลึกของดาราอันห่างไกลในโลกร้าง มีดาราขนาดเล็กที่ไม่รู้จัก ดารานี้ถูกซ่อนเร้นปิดบังด้วยค่ายกลมากมาย แม้ผู้แข็งแกร่งจะเดินทางผ่านบริเวณใกล้นี้ก็จะไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
และนี่คือสาขาแยกของ จ่างเทียนตี้ในโลกร้าง
ในฐานะโอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ มีตำแหน่งและอำนาจที่สูงมากในจ่างเทียนตี้ ขณะนี้ ในสาขาแยกนี้ เมิ่งเชียนชางกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งสูง ในดวงตามีความเหี้ยมโหดเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสทั้งสี่ พวกเจ้าทั้งสี่เป็นจักรพรรดิเทพร่วมมือกันก็ไม่สามารถสังหารร่างที่กลับชาติมาเกิดของไท่ซ่างฉิงได้ ข้าผิดหวังมากจริงๆ!” เมิ่งเชียนชางตะคอกด้วยความผิดหวังอย่างมาก
แม้ว่าเมิ่งเชียนชางจะเป็นเพียงมกุฎเทพระดับเก้าเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิเทพแล้วก็ยังต้องก้มศีรษะให้เขา
“โอรสฟ้าศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น ๆ ข้าน้อยไร้ความสามาอรับรถข”
จักรพรรดิเทพเทียนหยวนซึ่งเป็นผู้นำในบรรดาจักรพรรดิทั้งสี่ ได้ก้าวออกมาและอธิบายว่า “ครั้งนี้ สาเหตุหลักที่พลาดไปเป็นเพราะคำนวณความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายผิด หากไม่มีเตาเทพนั้น หลัวซิวจะถูกพวกเราฆ่าไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องล่าช้าจนกว่าตู๋กูเจี้ยนเฉินจะมาถึงขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...