เก้าต้องห้ามนั้นหายาก ในใจหลัวซิวก็ไม่มีความหวังมากนัก เพราะตามสิ่งที่ราชาเซียนที่อยู่ตรงหน้าเขาพูด มีเพียงผู้บุกเบิกไท่ซ่างในตำนานเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนเก้าต้องห้ามได้อย่างสมบูรณ์
วิญญาณไร้ลักษณ์ไท่ซ่างนั้นบรรจุการสืบทอดขอเวทย์ต้องห้ามทั้งสี่ และร่างไร้ลักษณ์นั้นบรรจุการสืบทอดของเวทย์ต้องห้ามทั้งสี่ รวมกันเป็นแปดต้องห้าม
ต้องห้ามสุดท้ายอย่างที่เก้า จะต้องรวมแปดต้องห้ามให้เป็นหนึ่งเดียว!
นอกจากนี้ยังหมายความว่าหากต้องการได้รับเก้าต้องห้ามครบถ้วน ต้องปลุกวิญญาณไร้ลักษณ์ไท่ซ่างและร่างไร้ลักษณ์ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
และแม้ว่าจะปลุกร่างวิญญาณไร้ลักษณ์ขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เจ้าก็อาจจะไม่สามารถได้รับการสืบทอดแปดต้องห้ามได้ แม้ว่าเจ้าจะได้รับการสืบทอดแปดต้องห้าม เจ้าก็อาจจะไม่สามารถรวมแปดต้องห้ามให้เป็นหนึ่งเดียวได้ และรับต้องห้ามที่เก้าได้!
สำหรับหลัวซิว เขาเพิ่งได้รับการสืบทอดของเวทย์ต้องห้ามอย่างแรกเท่านั้นเอง
แม้ว่าความหวังจะน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางความปรารถนาของหลัวซิวที่มีต่อเก้าต้องห้ามไท่ซ่าง ดังนั้นเขาจึงถามราชาเซียนว่ามีเก้าต้องห้ามไท่ซ่างทั้งเก้าข้อใดบ้าง
“บันทึกที่ข้าเห็นในซากปรักหักพังโบราณดาลได้กล่าวถึงเวทย์ต้องห้ามสามอย่างเท่านั้น ได้แก่ต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง ต้องห้ามทลายค่ายและต้องห้ามหักเซียนไท่ซ่าง” ราชาเซียนกล่าว
หลัวซิวรู้เวทย์ต้องห้ามสองอย่างแรกแล้ว เมื่อเขาได้ยินต้องห้ามหักเซียนเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงดาบหักเซียนเล่มนั้นของเขาเอง
“นี่คือ...”
เมื่อหลัวซิวหยิบดาบหักเซียนออกมา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเงาของราชาเซียนที่อยู่ตรงหน้าเขาผันผวนมาก
“ท่านรู้จักดาบเล่มนี้ไ?” หลัวซิวเงยหน้าขึ้นและถาม
ราชาเซียนพยักหน้า “ดาบโลหิตหักเซียนนี้เป็นภัณฑ์เซียนไร้เทียมทานที่ได้รับการกลั่นแปราขึ้นมาตามรากฐานต้องห้ามหักเซียนไท่ซ่าง หากในอนาคตเจ้าสามารถได้รับการสืบทอดของต้องห้ามหักเซียนให้เวทย์ต้องห้ามรวมเป็นหนึ่งกับดาบเล่มนี้ อย่าพูดถึงว่าแดนเดียวกันเลย แม้แต่คนที่มีแดนสูงกว่าเจ้าหนึ่งแดนก็อาจตายอยู่ในมือของเจ้าได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของราชาเซียน หลัวซิวก็โชคดีเล็กน้อย เหตุผลที่เขาสามารถปลุกวิญญาณไร้ลักษณ์ไท่ซ่างได้ก็คือตอนที่เขาปราบปรามดาบหักเซียนนี้
ในตอนแรก มีจิตที่ซ่อนอยู่ในดาบหักเซียนนี้ บางทีอาจเป็นเพราะดาบหักเซียนเป็นภัณฑ์เซียนที่ได้รับการกลั่นแปราโดยเวทย์ต้องห้ามไท่ซ่าง ดังนั้น เขาจึงปลุกวิญญาณแห่งไท่ซ่างขึ้นมาได้ในเวลานั้นและหลบหนีภัยพิบัติร้ายแรงไปได้
วิญญาณแห่งไท่ซ่างหรือที่รู้จักในชื่อจิตแห่งไท่ซ่าง กล่าวกันว่าสืบทอดพลังวิญญาณภูตเซียนจากผู้บุกเบิกไท่ซ่าง
“เจ้าโชคดีมาก มีดาบเล่มนี้ ในอนาคตแม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถได้รับการสืบทอดของต้องห้ามทลายค่ายไท่ซ่าง ตราบใดที่เจ้าสามารถเข้าถึงแดนราชาเซียนได้ เจ้าสามารถใช้ดาบนี้ทำลายค่ายกลที่ผนึกข้าไว้ได้แล้ว”
ราชาเซียนอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าอย่างไรเขามองเห็นความหวังแล้ว อาจเป็นเรื่องยากสำหรับลูกหลานของเผ่าไท่ซ่างที่จะฝึกฝนไปถึแดนราชาเซียนขั้นสูง แต่ถ้าเขาเพียงแค่ฝึกฝนไปราชาเซียนขั้นปฐมภูมิเท่านั้น ความเป็นไปได้ยังมีสูงมาก
“ข้าจะหลับลึกอีก ข้าจะรอวันที่เจ้ามาช่วยข้าให้พ้นจากการกักขัง”
เมื่อพูดคุยมามากมาย ความหมายของราชาเซียนก็ชัดเจนแล้ว เงาแห่งจิตก็จะหายไป
“ผู้อาวุโส กรุณารอสักครู่” หลัวซิวรีบอย่างรวดเร็ว “ผู้น้อยมาที่นี่มีเรื่องจะขอร้อง”
“โอ้? เรื่องอะไรรึ?” ราชาเซียนถาม
หลัวซิวพูดเรื่องของราชาเซียนเฉว่โยวและยังแสดงความหวังว่าเขาจะสามารถแนะนำเขาในการเพิ่มแดนขึ้นไปได้
“หยุนหลง? เฉว่โยว?” ราชาเซียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนสองคนนี้มาก่อนในยุคของข้า ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเป็นลูกหลานของรุ่นเยาว์ที่ฝึกฝนถึงราชาเซียนหลังจากถูกปราบปรามและผนึก”
ในขณะที่พูด ราชาเซียนเหลือบมองหลัวซิว “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะสู้คู่ต่อสู้ที่มีแดนราชาเซียนไม่ได้ แม้ว่าระดับผลการฝึกตนจะเท่ากับเจ้าก็ตาม”
“การเพิ่มแดนไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่แค่วิธีการต่อสู้ ประสบการณ์ และทักษะเท่านั้น ที่สำคัญกว่านั้นคือการรับรู้และความเข้าใจใธรรมเวชเกณฑ์ เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้โดยคำแนะนำสองสามคประโยคแก่เจ้า การเพิ่มผลการฝึกตนสามารถทำได้ด้วยกลอุบาย แต่เจ้าสามารถเพิ่มแดนของเจ้าได้ด้วยตนเองเท่านั้น”
ถอนหายใจยาว เมื่อราชาเซียนพูดจบ หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนในปริภูมิ จากนั้นเขาก็เห็นปริภูมิด้านบนแตกร้าว ประตูหนึ่งก็ตกลงมากระแทกพื้นด้วยเสียงดังโครม
ทันใดนั้นเสียงของราชาเซียนก็ดังขึ้น “นี่เป็นสมบัติหายากที่ข้าได้รับโดยบังเอิญเมื่อข้ายังอยู่ในแดนเซียนดิน มันสามารถพาเจ้าไปยังสถานที่ที่เรียกว่าเส้นทางแห่งมรรคผล เจ้าจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ขึ้มากเพียงใดนั้นก็ดูลิขิตของเจ้าแล้ว”
เสียงของราชาเซียนอ่อนแรงเล็กน้อย เพราะเขาถูกผนึกอยู่ที่นี่ด้วยค่ายกลใหญ่สองค่ายกล แม้ว่าเขาจะเอาของวิเศษหายากนี้ออกมา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา และเขาจะต้องจ่ายด้วยราคาสูง
ถึงกระนั้น ราชาเซียนก็ยังต้องการช่วยหลัวซิว เพราะหลัวซิวเผชิญกับวิกฤติในโลกภายนอก หากเขาตาย ใครจะรู้ว่าเขาจะได้พบกับคนอีกคนในชีวิตนี้ที่มีหวังจะช่วยเขาให้พ้นจากการกักขังนี้หรือไม่.
หลัวซิวรู้ว่าหากราชาเซียนอยากจะหลุดพ้นไปจากที่นี่ต้องพึ่งพาตนเอง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำร้ายเขา
เขาไม่รู้ว่าเส้นทางแห่งมรรคผลอยู่ที่ไหน ราชาเซียนไม่ได้พูดถึง เขาแค่บอกให้เขาเข้าไปแล้วจะรู้เอง
เมื่อหลัวซิวก้าวเข้าไปในประตูสีดำนี้ เขารู้สึกว่าเขาได้ข้ามเวลาและปริภูมิมากมายหลายชั้น จากนั้นในอุโมงค์เวลาและปริภูมิสิสันสดใส เขาเห็นแท่นบูชาสีดำ จากนั้นแท่นบูชาสีดำนี้ก็ใหญาขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของเขา ใหญ่ราวเท่ากับดาราหนึ่งดวง! ใหญ่โตราวกับพสุธาห้วงดาราหนึ่ง!
เดินทางผ่านกาลเวลาและปริภูมิด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ในชั่วพริบตา หลัวซิวก็พบว่าตนเองยืนอยู่บนแท่นบูชานี้ ทุกสิ่งรอบตัวเขาเป็นสีดำ และตรงหน้ามีเพียงถนนสองสาย
ไม่เพียงเท่านั้น การปราบปรามผลการฝึกตนในโลกคุกเซียนก็หายไปเช่นกัน ทำให้ผลการฝึกตนของเขากลับสู่ประมุขเต๋าช่วงกลาง ซึ่งเขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...