ตราเข้าล็อกเดิมคือพลังอมตะที่ทรงพลังที่สุดของหลัวซิว
โดยเฉพาะหลังจากเขาบุกเบิกฟ้าดินตรีภพได้แล้ว การตระหนักรู้บนเกณฑ์สูงศักดิ์ทั้งสามของเขาก็พัฒนาขึ้นอีกก้าว เวทย์ต้องห้ามเข้าล็อกเดิมก็ได้รับการยกระดับเช่นกัน ทำให้ทรงพลังมากกว่าเก่า
ณ เสี้ยววินาทีที่พลังอมตะที่สองของตราเข้าล็อกเดิมถูกปลดปล่อยออกไป ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเผ่าปีศาจนั่นก็ถูกแสงเซียนที่ไร้ขอบเขตทะลวง เลือดปีศาจสีดำขลับพุ่งกระฉูด สภาพอนาถมากจนไม่อาจทนดูได้
ถัดจากนั้น พลังโจมตีครั้งที่สามของเวทย์ต้องห้ามเข้าล็อกเดิมก็กดอัดลงไป สิ่งมีชีวิตเผ่าปีศาจจึงดับสลายเป็นฝุ่นผงภายในชั่วพริบตาเดียว ไม่เหลือแม้แต่ซาก
ปัจจุบันการปลดปล่อยพลังโจมตีสามครั้งถือเป็นขีดจำกัดของหลัวซิวแล้ว ตอนแรกเริ่มครั้นอยู่บนเส้นทางแห่งห้าจักรพรรดิ หลังจากเขาปลดปล่อยพลังโจมตีออกไปติดต่อกันสามครั้ง ตัวเขาเองก็จะถูกพลังแว้งกัดอย่างรุนแรงเช่นกัน
จากการที่แดนของเขาค่อย ๆ ยกระดับขึ้น ปัจจุบันเมื่อปลดปล่อยพลังโจมตีออกไปติดต่อกันสามครั้ง อย่างมากสุดเขาก็แค่ต้องสูญเสียผลการฝึกตนจำนวนมาก แต่ผลของการถูกพลังแว้งกัดกลับหายไปแล้ว
แน่นอนอยู่แล้วว่าหากต้องการปลดปล่อยพลังโจมตีครั้งที่สี่ออกไปต่อ จากสภาวะ ณ ปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอ นอกเสียจากใช้เวทย์ต้องห้ามแสงย้อนหรือรอให้ผลการฝึกตนก้าวเข้าสู่แดนราชาเซียนก่อน
“โฮกก!”
ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็สะท้อนมาจากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป แค่เสียงคำรามเสียงเดียว ก็ทำให้หลัวซิวรู้สึกเหมือนถูกอสูรโหดที่น่ากลัวตัวหนึ่งหมายตาไว้ยังไงอย่างนั้น
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเป้าหมายของสิ่งมีชีวิตเผ่าปีศาจคือป้ายบัญชาการหยกเซียนที่อยู่บนมือเขา หลัวซิวจึงตัดสินใจวิ่งตรงไปยังโครงกระดูกที่เหมือนจะเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเซียนนั่นอย่างไม่ลังเลใจ
ป้ายบัญชาการชิ้นนี้ถูกวางอยู่ข้างโครงกระดูกเซียนมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังไม่หายไหน หลัวซิวจึงรู้สึกว่าทั้งสองสิ่งนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
ไม่นานนัก พลังออร่าดวงหนึ่งที่น่าทึ่งก็ประชิดใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือสีดำที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตปรากฏกลางอากาศ ฝ่ามือกางออก บดบังเดือนตะวัน แล้วทำการปกคลุมทั้งป่าไม้เอาไว้ใต้ฝ่ามือ
หลัวซิวยืนอยู่ข้างโครงกระดูกเซียนร่างนั้น กำป้ายบัญชาการหยกเซียนเอาไว้ในมือแน่น ๆ เขาหวังว่าตัวเองจะเดิมพันถูกแล้ว มิเช่นนั้นละก็ คงทำได้เพียงเอาตัวรอดอย่างทุ่มสุดกำลังสามารถแล้วล่ะ
มือใหญ่สีดำยิ่งอยู่ยิ่งประชิดใกล้เข้ามา ประหนึ่งกดอัดลงมาจากท้องฟ้า จักทำการบดขยี้ทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นความว่างเปล่า
ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุก หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าสิ่งมีชีวิตที่ลงมือในวินาทีนี้ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจต้านทานได้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับที่เทียบเท่าประมุขเซียน
เมื่ออาศัยกลอุบายของเขา เขาเชื่ออยู่ว่าต่อให้สู้ไม่ไหว อย่างน้อยการหนีเอาชีวิตรอดก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
“โครมคราม……”
จู่ ๆ หลัวซิวก็ได้ยินเสียงสึนามิภูเขาถล่มสะท้อนออกมาจากโครงกระดูกเซียนที่อยู่ข้างกาย ห้วงปณิธานหนึ่งที่เหมือนไม่มีวันดับสูญพรั่งพรู ม้วนซัดออกมาจากโครงกระดูกเซียน
“สังหารปีศาจ!”
“สังหารปีศาจ!”
“สังหารปีศาจ!”
“......”
ห้วงปณิธานที่ไม่ดับสูญดังก้องอยู่ในอนัตตา คำว่าสังหารปีศาจดังก้องอยู่ข้างหูหลัวซิวปานเสียงคำราม ดังต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อน
มือใหญ่สีดำที่อยู่กลางท้องฟ้าจึงถูกฉีกกระชากจนกลายเป็นความว่างเปล่าภายในเสี้ยววินาที
หลัวซิวแหงนหน้ามองขึ้นไป ก็เหมือนมองเห็นจักรพรรดิเซียนตนหนึ่งที่เป็นผู้มีอิทธิพลแห่งเก้าสวรรค์สิบปฐพีตั้งตระหง่านอยู่กลางนภาสูง เดชจักรพรรดิที่มากมายมหาศาลแผ่ขยายออกไป สะกดทุกสรรพสิ่ง
จักรพรรดิเซียน!
จิตใจหลัวซิวฮึกเหิม ณ เสี้ยววินาทีที่ปณิธานที่ไม่ดับสูญนั่นพรั่งพรูออกมา เขาก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าโครงกระดูกที่อยู่ข้างกายเขา ไม่ใช่โครงกระดูกทั่วไป ไม่ใช่โครงกระดูกของผู้ทรงมาหาอิทธิฤทธิ์มกุฎเซียน แต่เป็นโครงกระดูกแห่งจักรพรรดิเซียน!
ซากกระดูกของจักรพรรดิเซียน……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...