มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 47

เฟิงเซวียนจวี๋ออกกระบี่เร็วขึ้นเรื่อยๆ รังสีคมกระบี่รวมตัวกันมากดั่งเม็ดฝน โจมตีครอบคลุมไปทั้งจุดสำคัญบนตัวของหานซาน

ส่วนหานซานก็ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ มือกำดาบเปิดเขาผายออกมา ปัดป้องกันโจมตีของเฟิงเซวียนจวี๋ทั้งหมด หลบไม่ได้ก็ต้องผนึกปราณป้องกันแบบนี้

ผ่านไปพักใหญ่ สุดท้ายปราณในของหานซานก็หมดก่อน พลังปราณแข็งไม่อาจจะใช้ได้ต่อไป แล้วถูกรังสีคมกระบี่ของเฟิงเซวียนจวี๋ฟันจนเสื้อที่หน้าอกขาดไป เลือดก็สาดออกมา

ส่วนเฟิงเซวียนจวี๋ ตอนนี้ก็เหงื่อท่วมตัว ถ้าผ่านไปอีกสักพัก เขาเองก็ต้องหมดแรงเหมือนกัน

“เฟิงเซวียนจวี๋ชนะ!”

จากสนามนี้ ทุกคนล้วนมองออกว่า พลังของหานซานกับเฟิงเซวียนจวี๋พอๆ กัน เพียงแต่หานซานจะถูกโจมตีมากกว่า ปราณในก็เลยหมดเร็วกว่า

จากนั้น ก็ถึงคิวของหลัวซิวขึ้นเวทีประลอง ส่วนคู่ต่อสู้ของเขา ก็คือสวี่ชิวเซิงยอดฝีมืออันดับ1ที่ได้รับการยอมรับ!

สองคนนี้มาเจอกัน เรียกได้ว่าเก่งเจอเก่ง ผลงานของหลัวซิวนั้นได้ใจผู้ชม อายุเพียง14ปีก็บุกมาได้ถึงรอบนี้ แถมยังมีโอกาสที่จะได้เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของสำนักหวูแห่งเมืองชิงหยุนเลยทีเดียว

งานประลองยุทธ์ในแต่ละปีที่ผ่านมานั้น คนที่ได้แชมป์ล้วนเป็นยอดฝีมือของชั้นหัวกะทิ

รอบนี้ ได้รับการสนใจจากสายตาของทุกคน ในใจของทุกคนล้วนกำลังลุ้นว่าใครจะชนะ

สวี่ชิวเซิงขึ้นเวทีประลอง มือกำปืนเงิน สีหน้าไร้อารมณ์ มีวิชาหอกระดับ3ระดับแดนบริบูรณ์ พลังของเขาสามารถที่จะอวดทุกคนได้

“นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะได้เข้าร่วมงานประลองยุทธ์ หวังว่ามึงจะไม่ทำให้กูผิดหวัง”

สวี่ชิวเซิงจ้องมองหลัวซิว แล้วพูดนิ่งๆ ปีนี้เขาอายุ18แล้ว หลังจากงานประลองยุทธ์นี้ เขาก็จะจบการศึกษาแล้ว

หลัวซิวพยักหน้า “ผมก็อยากจะขอเรียนรู้วิชาหอกของพี่เสียหน่อย”

“ลงมือเถอะ กูจะไม่ออมมือเด็ดขาด” ปืนเงินในมือสวี่ชิวเซิงขยับ แล้วก็วาดโค้ง คล้ายเป็นแสงสีเงินออกมา พริบตาก็แทงเข้ามาตรงหน้าหลัวซิวแล้ว

กระบวนท่าแรกที่สวี่ชิวเซิงโจมตีออกมา หลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงความเย็นทะลุกระดูก รังสีแหลมคมพุ่งเข้าหน้า

“ฟุบ!”

หลัวซิวขยับตัว ปลายหอกแทบจะลากผ่านลำตัวของเขาไป เสื้อขาด บนผิวหนังเผยเป็นรอยเลือด

ถึงแม้จะเป็นทักษะยุทธ์หลบหลีกในระยะมิลลิเมตร หลัวซิวก็หลบหลีกการโจมตีได้อย่างอันตรายมาก แต่รังสีความแรงที่ปืนเงินนำพามาด้วย ทำให้เสื้อของเขาขาด และบาดเข้าหนังจนเป็นรอยเลือด

“วิชาหอกร้ายกาจมาก!” หลัวซิวกระตุกจิต รู้ว่าครั้งนี้ตนเองเจอกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันเข้าแล้วจริงๆ

พลังของสวี่ชิวเซิง มันสามารถเทียบกับจอมยุทธ์ชี่ไห่ธรรมดาได้เลย ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าร้ายกาจกว่าครั้งที่ตนเองเจอกับเฉินหู่ที่เขาปาฉีในครั้งก่อน

“ฟุบ!”

ปืนเงินในมือของสวี่ชิวเซิงก็เปลี่ยนท่า หลัวซิวชักกระบี่ออกมาไม่ทัน พลังรังสีความคมกริบก็ปกคลุมไปทั่วร่างเขา

“ไม่ได้การแล้ว!”

หลัวซิวหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ตัวก็ถอยร่นไป แต่วิชาหอกของคู่ต่อสู้ก็กินพื้นที่มาก เขาไม่มีทางที่จะหลบหลีกได้

“เหอะๆ ถึงแม้หลัวซิวคนนี้จะไม่เลว แต่เทียบกับสวี่ชิวเซิง ก็ยังห่างอยู่อีกหลายขุม” บนที่นั่งชม ผู้อาวุโสแซ่หลี่ยิ้มพูดขึ้นมา

แต่ในตอนนั้นเอง หลัวซิวก็ยืนมือทั้งสองออกมา ระหว่างนิ้วมือก็มีปราณในสาดออกมา โดยที่ไม่ใช่แสงน้อยๆ แต่มันลุกโชนเหมือนดวงไฟ

“ตูม!”

ตอนที่เขากำลังจะถูกหอกฟันมานั้น เขาก็ซัดสองมือออกไป ทำให้ปืนเงินของสวี่ชิวเซิงลอยกระเด็นไป

ปืนเงินสั่นถี่มาก ปราณในที่แข็งแกร่งก็ส่งเข้ามา ทำให้ง่ามมือของสวี่ชิวเซิงชาไป จนปืนเงินเกือบจะหลุดมือ

“ปราณในล้ำลึกมาก!”

สวี่ชิวเซิงไม่มีสีหน้าใด นอกจากอาการตกใจ ตัวเขานั้นก็เป็นการกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูง แต่หลัวซิวกลับมีปราณที่ล้ำลึกมากกว่าเขา ถ้าหลัวซิวไม่ใช้ปราณใน แต่ใช้ปราณแท้ล่ะก็ เขาก็คงจะสงสัยเหมือนกันว่าหมอนี่บรรลุขั้นแดนฝึกชี่ไห่ไปแล้วหรือเปล่า

“กำลังภายในแข็งแกร่งมาก!วิชาท่าร่างของเขาถูกวิชาหอกของสวี่ชิวเซิงแก้ทางได้ แต่ก็ใช้ปราณในแก้กลับได้หมด ใช้กำลังภายในที่แข็งแกร่ง เปลี่ยนรับเป็นรุก!”

บนห้องใต้หัลงคา จวงหนานเทียนในฐานะผู้อาวุโสของสำนักยุทธ์ เอามือตบโต๊ะลุกขึ้น สายตาจ้องเขม็ง

“เป็นไปไม่ได้!การกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูง ต่อให้ฝึกกำลังภายในระดับ4 ก็ไม่มีกำลังภายในแข็งแกร่งแบบนี้!”

ผู้อาวุโสหลี่ที่ก่อนหน้านี้ยังชื่นชมสวี่ชิวเซิง ก็ลุกขึ้นยืน ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

จวงหนานเทียนเอามือลูบเครา ยิ้มไม่พูดอะไร เขารู้ว่าที่กำลังภายในของหลัวซิวแข็งแกร่งแบบนี้ ก็เพราะว่าฝึกพลังหยางบริสุทธิ์สำเร็จแล้ว

800กว่าปีมานี้มีเพียง3คนที่ฝึกสำเร็จ พลังหยางบริสุทธิ์มีหรือจะกระจอกๆ?

บนเวทีประลอง วิชาหอกของสวี่ชิวเซิงก็ยังคงดุดันเหนือใคร ทำให้หลัวซิวไม่มีโอกาสที่จะชักกระบี่ออกมาได้เลย ได้แต่ใช้วิชาท่าร่างของตัวเองหลบไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็ใช้พลังภายในมาปัดป้องไว้

วิชาหอกแดนบริบูรณ์นั้นไม่มีช่องโหว่ การโจมตีต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน แต่หลัวซิวกลับนิ่งมาก เพื่อรอโอกาสที่จะโจมตีกลับ

“ที่เรียกว่าพลังเดียวชนะทุกวิชา ถ้าเราใช้พลังธาตุไฟ ปราณในก็จะเพิ่มพลังเป็นเท่าตัว แล้วจะสามารถกดวิชาหอกสวี่ชิวเซิงของไว้ได้”

หลัวซิวคิดในใจ พลังAttrมีเพียงจอมยุทธ์พรสวรรค์ถึงจะสามารถควบคุมได้ เรียกได้ว่านี่เป็นไพ่ไม้เด็ดของเขา

แต่พอหลัวซิวหวนคิด ถ้าใช้พลังไปกดไว้ ก็จะสามารถเอาชนะได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เท่ากับยืมพลังนอกมาใช้ ไม่ถือว่าเป็นความสามารถจริงๆ

“ถ้าไม่คับขัน เราก็จะไม่ใช่ไม้เด็ดเป็นดีที่สุด ก็ใช้วิชาหอกแดนบริบูรณ์ของสวี่ชิวเซิงมาฝึกวิชาท่าร่างและวิชากระบี่ของตัวเองก็แล้วกัน”

หลัวซิวหดม่านตา ในใจก็ตัดสินใจแล้ว สะกิดปลายเท้าไป ร่างกายก็ถอยร่นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันซัดฝ่ามือออกมา ทำให้ปืนเงินสะเทือนจนต้องถอยไป

“แพล๊ง!”

พลังที่ปล่อยมาแรงในฉับพลันนี้ เขาก็ได้อาศัยโอกาสนี้ชักกระบี่ออก กระบี่เงามืดได้ออกจากฝัก กระบี่เร็วดั่งสายฟ้า

“หอกแก้วแสงเยือก!”

สวี่ชิวเซิงก็ไม่ยอม ไม่สนใจรังสีกระบี่ที่หลัวซิวโจมตีมา ปืนเงินเล็งแทงไปยังคอหอยหลัวซิว

การโจมตีของหอกจะยาวกว่ากระบี่ ก่อนที่กระบี่ของหลัวซิวจะแทงมาถูกตนเอง หอกของตนเองคงจะแทงเข้าตัวของหลัวซิวไปก่อนแน่นอน

หลัวซิวทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หลบหลีกไป วิชาท่าร่างรีบหลบหลีก อยากจะประชิดเข้าวงในใกล้ๆ ตัวสวี่ชิวเซิง วงโจมตีของหอกมันกว้าง แต่ถ้าได้ประชิดตัว ก็จะออกกระบวนท่าไม่ได้ ถูกแก้ทางได้มากมาย

“แพล๊ง!แพล๊ง!แพล๊ง!……”

ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้สู้กันไปกว่า40กระบวนท่า ทำเอาคนด้านล่างเวทีอึ้งอ้าปากค้างไปตามกัน

มีผลการฝึกตนระดับการกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูงเหมือนกัน ก่อนหน้านี้หานซานและเฟิงเซวียนจวี๋สู้กันไม่ถึง30กระบวนท่าก็หมดแรงกันแล้ว แต่หลัวซิวและสวี่ชิวเซิงสู้กันมา40กว่ากระบวนท่า แต่ปราณไม่มีวี่แววว่าจะหมดสิ้นเลย

นี่ก็แสกงให้เห็นว่าผลการฝึกปราณในของทั้งสองคน จะล้ำลึกกว่าหานซานและเฟิงเซวียนจวี๋ จุดชีพจรยืดยาวกว่า

จากนั้น ก็ผ่านไปอีกพักใหญ่ หน้าผากของสวี่ชิวเซิงก็ผุดเหงื่อออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ ปราณในเริ่มขับเคลื่อนต่อไม่ไหวแล้ว

พอมองกลับไปยังหลัวซิว เขากลับนิ่งสบายๆ ไม่มีท่าทางอ่อนแรงอะไรเลย

“ให้ตายเถอะ บ้าไปแล้ว นี่ก็ตั้ง60กว่ากระบวนท่าแล้วนะ!”

“คุณพระ หรือว่าพวกเขาจะสู้ดุเดือดกันเป็นร้อยกระบวนท่าเลยหรือไง?”

คนด้านล่างเวทีก็อึ้งกันไปหมด สวี่ชิวเซิงเป็นถึงอันดับ1 ที่เขามีผลการฝึกปราณในที่ล้ำลึกแบบนี้ มันก็อยู่ใต้ขอบเขตการรับรู้ของทุกคน แต่หลัวซิวก็ทำได้เหมือนกัน ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ