ร่างกายมีเส้นชีพจรขาดไปยี่สิบเอ็ดแห่ง ปราณแท้มิอาจขับเคลื่อนโคจรมหาจักรวาล ถ้าหากเป็นจอมยุทธ์โดยทั่วไปแล้ว หากไม่อาจหาของล้ำค่าที่สามารถต่อชีพจรได้ ทั้งชีวิตนี้นับว่าสิ้นสุดแล้ว ไม่อาจฝึกฝนกำลังภายในได้อีกต่อไป
ตอนนี้เขาทำลายผลการฝึกตนของจางห่าย ก็ใช้วิธีการนี้เช่นเดียวกัน
และอาการบาดเจ็บบนร่างกายของหลัวซิว นอกจากเส้นชีพจรแตกหักแล้ว ยังมีกระแสพลังอันเหน็บหนาวคลื่นไหวไปทั่วร่างกาย กัดกร่อนเส้นชีพจรที่ยังสมบูรณ์อยู่อย่าต่อเนื่อง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้าไม่มีวิธีกำจัดกระแสพลังนี่ออกไปได้ เส้นชีพจรทั่วร่างของเขาล้วนต้องขาดสะบั้น การเป็นคนพิการไร้ประโยชน์ไปทันที ต้องนอนอยู่บนเตียงไปตลอดชีวิต!
บนเวทีประลองยุทธ์ จางหลู่เหลียงไม่กล้าเอาชีวิต แต่เขาทำเช่นนี้ สำหรับคนที่ฝึกยุทธ์แล้ว กายเป็นคนพิการ มันยากเกินที่จะรับได้ยิ่งกว่าโดนฆ่าตายเสียอีก
“เอี๊ยด”
ในเวลานี้เอง ประตูถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ลู่เมิ่งเหยาในชุดสีขาว ท่วงท่างดงามอ่อนช้อยดุจดั่งเทพธิดาลงมาจุติเดินเข้ามา
“หลัวซิว เจ้าฟื้นแล้ว?”
เมื่อเห็นหลิวซิวนอนลืมตาอยู่บนแคร่ไม้ ลู่เมิ่งเหยาก็มีทางท่าปีติยินดี
ผ่านทางปากของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวได้รู้ว่าตัวเองนั้นสิ้นสติไปหนึ่งวัน
การทดสอบเลือกศิษย์เข้าสำนักนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ผลลัพธ์เป็นไปอย่างที่คาดหมาย เขาหวางช่าน และสวีผิงได้กลายเป็นศิษย์นอกสำนักเซียวเหยาโดยสมบูรณ์
“หลัวซิวพื้นแล้วรึ?”
มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางประตูอีกครั้ง ลู่เฟยเฉินผู้นำนอกสำนักท่าทางทระนงองอาจ เดินเข้ามา
“ท่านพ่อ”
“ท่านเจ้าสำนัก”
หลัวซิวและลู่เมิ่งเหยาเอ่ยพร้อมกัน
ลู่เฟยเฉินพยักหน้า พลิกมือล้วงเอาขวดหยกสีเขียวออกมายื่นให้กับหลัวซิว
“ในขวดหยกสีเขียวนี่ คือยาผนึกเสือหนึ่งเม็ด เป็นยาระดับ4 เพียงแค่ทานเข้าไป ทำให้เส้นชีพจรที่ขาดของเจ้าต่อกันได้อย่างรวดเร็ว”
“สำหรับกระแสพลังที่นับหนาวในร่างกายของเจ้า มีสาเหตุมาจากวิชาหมัดครึ้มเยือกที่จางหลู่เหลียงฝึกฝน รอหลังจากที่เส้นชีพจรของเจ้าฟื้นคืน ข้าจะให้คนมาช่วยเจ้าขับมันออกไป”
เป็นที่ประจักษ์ ลู่เฟยเฉินได้ตรวจดูอาการบาดเจ็บของหลัวซิวตั้งแต่แรกแล้ว และได้จัดเตรียมวิธีฟื้นฟูให้กับเขา
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”
หลัวซิวกล่าวขอบคุณ ยื่นมือออกไปรับเอาขวดหยกสีเขียวมา
แท้ที่จริงแล้วสำหรับหลัวซิว ชีพจรขาดสะบั้นมิได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร อาศัยฝีมือที่สามารถฟื้นฟูเส้นเลือดใหญ่ของชีวิตได้ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บหนักกว่านี้ เขาก็สามารถฟื้นฟูได้
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือกระแสพลังเย็นที่วิชาหมัดครึ้มเยือกได้ทิ้งเอาไว้ อาศัยผลการฝึกตนของเขายากนักที่จะขับไล่มันไป
“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า เป็นเจ้าที่รักษาโรคชีพจรขาดธาตุไฟของเมิ่งเหยาให้หายดี นับเป็นผู้มีประคุณของนาง ข้าในฐานะบิดา ช่วยเจ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถือว่าสมควร”
ลู่เฟยเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้กล่าวอะไรอีก กล่าวเพียงว่าให้หลัวซิวพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย จากนั้นก็กลับไป
หลู่เมิ่งเหยาได้กลับไปพร้อมกับลู่เฟยเฉิน ในวันนี้นางไม่ใช่อาจารย์สอนหนังสือของสำนักชิงหยุนอีกต่อไป แต่เป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักนอกสำนักเซียวเหยา อยู่ที่นี่พูดได้ว่าใต้คนหนึ่งคน เหนือคนนับหมื่น
หลัวซิวสามารถดูออก ลู่เฟยเฉิงเหมือนดั่งจงใจไม่อยากให้ลู่เมิ่งเหยาอยู่กับตนเองเพียงลำพัง ก็คงเป็นเพราะความแตกต่างระหว่างฐานะเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...