“หลัวซิว!”
ในตอนนั้นเอง มีชายวัยกลางคนใส่ชุดผ้าฝ้ายเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของแก๊งนักล่าอสูร สายตาของเขามองกวาดไปยังผู้คนที่ห้อมล้อมราวกับมีเปลวเพลิงในดวงตาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หลัวซิว
หลัวซิวมองตามต้นเสียง คิ้วขมวดแน่น เขาไม่รู้จักชายวัยกลางคนชุดผ้าฝ้ายผู้นี้ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นจางช่าวฉง หัวหน้าตระกูลจางคนก่อนเพราะมีบางส่วนที่ดูใกล้เคียงกัน
“เจ้าคือคนของตระกูลจางใช่หรือไม่” หลัวซิวถามขึ้น
ชายวัยกลางคนชุดผ้าฝ้ายอมยิ้มพลางเดินเข้ามา “ไม่เลว ฉันคือจางช่าวไห่ หัวหน้าตระกูลจางคนปัจจุบัน”
“จะว่าไปแล้ว พี่ชายของฉันตายเพราะแกก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันคงไม่มีทางได้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลนี้มาได้”
จางช่าวไห่เดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าหลัวซิวแล้วลดเสียงลงกล่าวว่า “ฉันจะบอกอะไรแกให้อย่างหนึ่ง ตอนนั้นคนที่สั่งให้จับตัวพ่อแม่และพี่สาวของแกเอาไว้ไม่ใช่ฝีมือพี่ฉัน แต่เป็นฉันเองต่างหาก”
“แก?” หลัวซิวได้ยินเช่นนั้น แววตาก็เริ่มปรากฏความอาฆาต
เห็นได้ชัดเจนว่า จางช่าวไห่ผู้นี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง เพื่อให้ได้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ถึงขั้นทำร้ายพี่ชายของตัวเองถึงแก่ความตายอย่างไร้ปรานี
ตอนแรกหลัวซิวไม่ได้มีความคิดจะฆ่าจางช่าวฉง แต่เมื่อได้ยินว่าตระกูลจางออกคำสั่งให้จับตัวพ่อแม่และพี่สาวของตัวเองไป เขาก็เข้าใจไปโดยอัตโนมัติว่าจางช่าวฉงเป็นคนสั่งการ ด้วยโทสะตนจึงขอให้เจ้าสำนักยุทธ์ปลิดชีวิตของเขา
หากเหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ต้องระแวงนายท่านตระกูลจางผู้นั้น และต้องเผชิญอันตรายรอบด้านมานับครั้งไม่ถ้วนแบบนี้
“ในเมื่อฉันฆ่าจางช่าวฉงตายได้ แกมาบอกฉันเรื่องนี้ แกไม่กลัวหรือว่าฉันจะฆ่าแกตายไปอีกคน” หลัวซิวเอ่ยอย่างเย็นชา
จางช่าวไห่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ และกล่าวหยาม “ความตายมารอแกอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังจะกล้าพูดจาโอหังแบบนี้อีกรึ”
เขากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าหลัวซิว แน่นอนว่าเขามีคนหนุนหลังอยู่
“อย่าคิดนะว่าการซ่อนตัวอยู่ที่แก๊งนักล่าอสูรจะทำให้แกใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข ถ้าแกยังไม่ยอมโผล่หัวออกมา ฉันจะส่งคนไปฆ่าพ่อแม่และพี่สาวของแกซะ ดูซิว่าแกจะยอมออกมาไหม” จางช่าวไห่กล่าวอย่างอำมหิต
หลัวซิวได้ยินดังนั้นจึงหรี่ตาลง ในอกของเขาโมโหจนอารมณ์เดือดปุดๆ
เขากัดฟันยิ้มออกมาอย่างเลือดเย็น “แกอยากให้ฉันออกไปรึ ได้ ฉันจะออกไป”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง หลัวซิวพลันก้าวอาดๆ เดินออกมาจากประตูใหญ่ของแก๊งนักล่าอสูร ปรมาจารย์โลกยุทธ์อย่างเย่เซี่ยงโต่วเดินตามหลังเขาออกไปเป็นเงาตามตัวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใด
การตัดสินใจของหลัวซิวทำให้จางช่าวไห่ตกใจ แต่เพียงชั่วครู่สีหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา “วัยรุ่นก็ใจร้อนแบบนี้ แค่พูดยุแหย่นิดหน่อยก็โมโหจนวิ่งออกมาหาที่ตายซะแล้ว”
ด้านนอกห้องโถงของแก๊งนักล่าอสูร มีองครักษ์เกราะเขียวกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้วยท่าทางน่าหวาดกลัว มือของพวกเขากุมดาบ รังสีที่ออกมาจากตัวพวกเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตหมายเอาชีวิต
บริเวณนั้นมีกลุ่มคนยืนออกันอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้คนต่างพากันถกเถียงว่าเพราะเหตุใดองครักษ์เกราะเขียวถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ และเป็นเพราะใครที่ทำให้องครักษ์เกราะเขียวสามสิบกว่านายมายืนรออย่างแน่นขนัดอยู่เช่นนี้
ทันใดนั้นเองหลัวซิวจึงเดินออกมาจากแก๊งนักล่าอสูร
“องครักษ์เกราะเขียวรับคำสั่งการ เอาตัวหลัวซิวมาให้ได้ หากแข็งขืนฆ่าทิ้งทันที!” น้ำเสียงของจางช่าวไห่ที่แฝงความเคียดแค้นดังก้องไปทั่วบริเวณ
“ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!”
เสียงดึงกระบี่ออกจากฝักดังสะท้อน องครักษ์เกราะเขียวทั้งสามสิบนายส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาพร้อมกันแล้วเข้าไปล้อมหลัวซิวเอาไว้จากทุกทิศทุกทาง
ส่วนจางช่าวไห่ยืนเฝ้าอยู่ตรงด้านหน้าประตูใหญ่ด้วยตัวเอง เพื่อปิดหนทางหนีของหลัวซิวไม่ให้เขาหนีกลับเข้าไปที่แก๊งนักล่าอสูรอีก
หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจ ด้านหลังของเขามีปรมาจารย์โลกยุทธ์อย่างเย่เซี่ยงโต่วอยู่ หากจางช่าวไห่บุกโจมตีเขาจากทางด้านหลัง นั่นก็เท่ากับว่าเขารนหาที่ตายเอง
บรรยากาศแห่งความอาฆาตพยาบาทแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณหน้าประตูใหญ่ของแก๊งนักล่าอสูร
องครักษ์เกราะเขียวทุกนายฝึกตนที่แดนฝึกชี่ไห่ ทว่าล้วนฝึกตนต่ำกว่าชี่ไห่ขั้นห้า มีเพียงผู้เป็นหัวหน้าคนเดียวเท่านั้นที่ฝึกได้ชี่ไห่ขั้นหกแล้ว
องครักษ์เกราะเขียวนายหนึ่งถือกระบี่ยาวพลางวิ่งเข้าใส่หลัวซิวด้วยสีหน้าเย็นชากระหายเลือด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...