ว่ากันว่าสาวต่างชาติค่อนข้างเปิดกว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เซิ่งได้เห็นคนที่ตรงไปตรงมาอย่างคุณเดวี่
“มะ ไม่จำเป็นครับ”มู่เซิ่งอ้าปากพะงาบๆ ด้วยใบหน้าแดงและหูที่แดงเล็กน้อย
“หนุ่มน้อยชาวตงหัวที่น่ารัก แต่ว่านะ ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”เดวี่กวัดแกว่งกำปั้นไปมา แล้ววิ่งไปด้วยท่าที่ปิดหน้าแล้วหัวเราะ
หลิวเจี้ยนหัวมองตามไปแล้วหัวเราะเหอะๆ เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขาเห็นมู่เซิ่งรู้สึกลำบากใจแบบนี้ จนกระทั่งคุณเดวี่เดินจากไป เขาถึงพึ่งหยิบชาต้าหงเผาออกมาจากลิ้นชัก แล้วจึงรินชาให้กับมู่เซิ่งหนึ่งแก้ว จากนั้นก็พูดว่า“เสี่ยวมู่ ทำไมจู่ๆนายถึงมีเวลาว่างานที่เยียนจิงล่ะ?”
ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่เชื้อเชิญมาตลอด เพราะมู่เซิ่งติดพันเรื่องของตระกูลเจียงทำให้ปลีกตัวออกมาไม่ได้ ตอนนี้คิดไม่ถึงว่า จะมาหาเขาด้วยตัวเอง
แต่หลิวเจี้ยนหัวก็รู้สึกปลาบปลื้ม หากมู่เซิ่งไม่ปรากฏตัวขึ้น เกรงว่าเรื่องของคลินิกในครั้งนี้ คุณวิลเลี่ยมที่มีภูมิหลังไม่ธรรม หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา พวกเขาคงติดร่างแหไปด้วยแน่ๆ
“ผมมาเยี่ยมพ่อน่ะครับ”มู่เซิ่งกล่าว
“ถึงว่าล่ะ อาการของนายฉันตรวจมาแล้ว เป็นโรคเส้นโลหิตตีบที่หาได้ยาก แม้แต่ฉันเองยังไม่มีวิธีรักษาเลย ทำได้แค่ใช้ยาของฉินโสว่หรานคอยประทังชีวิตเอาไว้ อีกทั้ง……”
“ผมรู้ครับ”มู่เซิ่งพยักหน้า“วันนี้ผมเจอเขาที่โรงพยาบาลแล้วครับ ตอนนั้นเขากำลังบีบให้พ่อของผมเซ็นสัญญาโอนหุ้นของบริษัท”
“นายรู้หมดแล้วหรอ?”
หลิวเจี้ยนหัวตกตะลึง เขาแสดงสีหน้าละอายใจ“เสี่ยวมู่ นี่เป็นเรื่องที่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ โทษที่ฉันมีทักษะทางการแพทย์ไม่เก่ง ไม่สามารถรักษาอาการป่วยของพ่อนายได้ ฉันขอให้หมอเทวดาอีกสองท่านมาดูแล้ว แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ทั่วทั้งเยียนจิง มีแค่ฉินโสว่หรานที่สามารถบรรเทาอาการป่วยของพ่อนายได้”
มู่เซิ่งโบกมือไปมา แล้วกล่าวว่า“ไม่เป็นไรครับ ท่านหลิว คุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอกครับ อาการป่วยของพ่อ ผมมีวิธีรักษาแล้วครับ”
“เสี่ยวมู่ นะ นายมีวิธีรักษาแล้วหรอ?!”
หลิวเจี้ยนหัวพยักหน้า เดิมทีเขายังอยากพูดปลอบใจมู่เซิ่ง แต่สุดท้ายกลับได้ยินว่ามู่เซิ่งสามารถรักษาอาการป่วยของพ่อให้หายได้ เขาถึงกับตาเบิกโพลงในทันที ราวกับคนเสียสติ นั่งเหม่อลอยอยู่กับที่
อาการป่วยของมู่เฉินเทียนเป็นโรคที่พบได้ยาก แต่ก็มีกรณีเคสในโรงพยาบาลมากมาย ผู้ที่เป็นโรคเส้นโลหิตตีบ ร่างกายจะหดแข็งจนตายไปในที่สุด ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดด้วยซ้ำ
แม้แต่ฉินโสว่หรานเอง สิ่งที่ทำได้ก็แค่บรรเทาอาการ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
“อืม แต่ยังไม่สามารถรักษาให้หาย ผมหวังว่าท่านหลิวจะช่วยผมเก็บเป็นความลับนะครับ”มู่เซิ่งพยักหน้ากล่าว
“แน่นอน ฉันจะช่วยนายเก็บเป็นความลับแน่นอน!”
หลิวเจี้ยนหัวพยักหน้า เขารู้ดี ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะทำให้โลกทางการแพทย์ต้องสั่นคลอน จะมีแพทย์นับจำนวนไม่ถ้วนหลั่งไหลกันเข้ามาหามู่เซิ่ง เพื่อถามหาวิธีการ
ในขณะเดียวกันในใจของเขา ก็อยากรู้มาก ตกลงมู่เซิ่งใช้วิธีอะไรในการรักษาอาการป่วยของมู่เฉินเทียน ใช้การฝังเข็ม หรือการใช้ยาที่กลั่นออกมา?
“ท่านหลิว คุณรู้ที่อยู่ของฉินโสว่หรานไหมครับ?”มู่เซิ่งถามอย่างเรียบเฉย
หลิวเจี้ยนหัวเข้าใจความหมายของมู่เซิ่งในทันที จึงกล่าวว่า“ถึงแม้ฉินโสว่หรานจะเป็นเหมือนคนนิสัยธรรมดา แต่ต้องยอมรับจริงๆว่า ทักษะทางการแพทย์ของเขาไม่เลว เขาอยู่เหนือของฉัน ดังนั้นจึงถูกขนานนามว่าเป็นราชาโอสถแห่งเยียนจิง เสี่ยวมู่ นายมั่นใจว่าเอาเขาอยู่หรอ?”
หลิวเจี้ยนหัวเคยเห็นทักษะทางการแพทย์ของฉินโสว่หรานมาก่อน จึงเป็นห่วงว่ามู่เซิ่ง จะตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
“ราชาโอสถ?ชื่อนี้ไม่เลวจริงๆนั่นแหละครับ สามารถยืมสวมรอยได้”มู่เซิ่งพูดยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ
หลิวเจี้ยนหัวมองไปที่มู่เซิ่งอย่างประหลาดใจ มองดูรอยยิ้มสบายๆของอีกฝ่าย จู่ๆชื่อของราชาโอสถ ก็เป็นแค่ชื่อธรรมดาๆ
วันหยุดสุดสัปดาห์ เหมือนกับจะเป็นกฎของหมอเทวดา วันหยุดของฉินโสว่หรานก็พักผ่อนเช่นกัน แต่ไม่ใช่ในคลินิก ดังนั้นมู่เซิ่งจึงออกจากหอเจี้ยนหรง และตกลงกับหลิวเจี้ยนหัวว่า พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่
หลิวเจี้ยนหัวตอบตกลงรับคำ เขายังอยากเห็นว่ามู่เซิ่งจะเอาชนะฉินโสว่หรานได้อย่างไร!
ในสถานที่แห่งเยียนจิง ตระกูลมู่สามารถครอบครองเรือนสี่ประสานสองหลัง เห็นได้ชักว่าตระกูลมู่เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่
ในเรือนสี่ประสาน มีสวนดอกไม้ในตัว มีบ่อดอกบัวเลี้ยงปลาทอง ในลานเขียวขจีและสดชื่น จะเห็นได้ว่ามีคนทำความสะอาดอยู่ตลอด
หลังจากมู่เซิ่งเดินจากไป บ่ายวันนั้น เขากลับมาที่ตระกูลมู่เงียบๆ กระทั่งไม่มีคนรู้ว่าเขากลับมา
ในตระกูลมู่ คนที่แคร์ที่สุด มีเพียงมู่เฉินเทียนคนเดียวเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว มู่เซิ่งก็ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมคนอื่นๆ ความทรงจำในวัยเด็กของเขา นอกจากศึกแย่งชิงภายในแบบเปิดเผยภายในตระกูลแล้ว ก็คือการแก่งแย่งกันอย่างแอบลับ
เมื่อกลับมาถึงห้องของตัวเอง การตกแต่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง บรรยากาศโดยรอบสะอาดมากๆ นี่คือผลจากที่พ่อของเขาให้คนมาทำความสะอาดในทุกวัน ภายในลิ้นชัก มีของเล่นเซรามิกในสมัยเด็กของมู่เซิ่งซ่อนอยู่ในนั้น เพียงแต่ตอนนี้ มันกลายเป็นดินเหลืองไปแล้ว
“สิบปีแล้วสินะ คิดไม่ถึงว่าฉันจะกลับมาเอามาได้”
มู่เซิ่งนอนราบไปที่เตียง มองไปรอบๆที่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน เขาอดรู้สึกซึมเศร้าไม่ได้ ตอนนั้น แม่ของเขาพุ่งเข้ามาในห้อง โอบกอดเขาไว้ บอกกับมู่เซิ่งว่ามีคนกำลังจะฆ่าเขา จะต้องรีบออกจากตระกูลมู่ในตอนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...