“แก แกว่าอะไรนะ?”
ได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเหมยเหมยสะท้านไปทั้งตัว คนทั้งคนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
โดนเวนคืน?
บ้านของพวกเขาทำไมโดนเวนคืนไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้?
“เธอจะร้องไห้ไปทำไมกัน นี่มันเป็นเรื่องดีนะ” หลี่หรานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะพลางพูดไปว่า “ใกล้ ๆ นี้ตระกูลกู่จะพัฒนาให้อำเภอซานเซี่ยงให้กลายเป็นเขตเมืองท่องเที่ยว หมู่บ้านซานขุยที่คุณอยู่นั้น พอดีอยู่ในเขตบริเวณบุกเบิก ฉะนั้นจึงถูกเวนคืน”
ได้ยินหลี่หรานย้ำยืนยัน จ้าวเหมยเหมยเซ่อไปเลยจริง ๆ ทีนี้
โดนเวนคืนจริง ๆ หรือนี่?
คำว่าโดนเวนคืนสำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ห้องขนาดร้อยตารางเมตรสองห้องในเขตย่อยของเมือง ค่าเวนคืนจะได้ถึงสี่ล้านกว่า พอให้ไปซื้อบ้านพักระดับหรูชั้นหนึ่งในอำเภอซานเซี่ยงเลยทีเดียว หรือไม่ก็ได้ห้องทั่วไปถึงสี่ห้าห้อง แม้ว่าให้เอามาใช้อย่างคนมือเติบ ก็ยังพอให้ผลาญไปได้นานพอดู
แต่ทว่า ตอนนี้โดนเวนคืนแล้ว เงินสี่ล้านกว่านี้ กลับถูกโอนคืนไปให้ในบัญชีมู่เซิ่ง นี่เท่ากับพวกเธอต้องเสียบ้านไปสองหลังฟรี ๆ เลยนะ!
“ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นเงินค่าเวนคืนบ้านของพวกเรา จะโอนเข้าไปในบัญชีแกได้ยังไง!” จ้าวเหมยเหมยเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที พูดอย่างว่ากันตามหลักครองธรรม
ถงเสว่เหมยก็พูดกับกู่มู่สวีนอย่างไม่รู้จักตายว่า “คุณกู่ นี่มันเป็นเงินของบ้านพวกเรา คุณไม่มีสิทธิ์จัดการเองได้!”
แม่หญิงสองคนนี้ซุกแทรกอยู่แต่ในซอกร่องของเงิน เงินสี่ล้านกว่านี้ในสายตาของพวกเธอ จัดได้ว่าเป็นเงินมหาศาลทีเดียว พวกเธอไม่มีทางจะยอมให้ใครมาแตะต้องได้!
“คุณผู้หญิงจ้าว พวกคุณทำลายของของคนอื่นจนเสียหาย ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็จะต้องชดใช้คืนตามมูลค่า ฉะนั้นเงินจำนวนนี้ ผมจะช่วยพวกคุณโอนเข้าไปในบัญชีของคุณมู่เซิ่ง” กู่มู่เซิ่งส่ายหน้า พูดกับจ้าวเหมยเหมย
“ไม่ได้ ไม่ได้!”
จ้าวเหมยเหมยตะโกนลั่นเป็นคนบ้าไป
“ไอ้แก่ แกเป็นแค่พวกนักธุรกิจงานอสังหาริมทรัพย์ แกไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“ถ้าแกขืนกล้าเอาเงินพวกเราก้อนนี้โอนไปให้มู่เซิ่ง ฉันก็จะขึ้นศาลฟ้องแก ฟ้องในข้อหาที่แกยักยอกทรัพย์ของฉัน ฉันจะให้ทนายจัดการกับแกแน่ ๆ!”
มองดูกู่มู่สวีนไม่เห็นได้รู้สึกสะทกสะท้าน จ้าวเหมยเหมยก็รีบลนลานพูดไปว่า “หรือไม่ก็เอางี้ คุณกู่ คุณโอนเงินจำนวนนี้มาให้ฉันก่อน แล้วฉันก็จะคืนเงินให้มู่เซิ่งอีกทีดีมั้ย?ฉันเป็นคนติดเงินใครไม่เป็นหรอก คุณโอนมาให้ฉันดูก่อนแล้วกัน”
พูดมาถึงตอนสุดท้าย จ้าวเหมยเหมยดูเหมือนจับจุดเพี้ยนไปหมด พูดจาจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่มีหลักเกณฑ์เหตุผลใด ๆ แล้ว
มู่เซิ่งฟังแล้วมีแต่อยากหัวเราะ
ไอ้เจ้าจ้าวเหมยเหมยคนนี้ไล่เขาออกมาจากบ้าน เดิมทีนี้ก็ทำให้มู่เซิ่งรู้สึกขัดใจอยู่มากแล้ว ตอนนี้หาเรื่องกันมาซึ่ง ๆ หน้า ทำลายเสื้อผ้าเสียหาย คราวนี้ ก็จัดการรวมยอดเคลียร์ทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่รวมกันไปเลยทีเดียวจบ
ก็พอดี จะได้ทำให้พวกเธอที่คอยจะเยาะเย้ยเจียงหว่านไว้ ได้ลิ้มรสความเป็นคนไม่มีบ้านจะกลับ ต้องเร่ร่อนกันอยู่ริมทางดูบ้าง
ในช่วงเวลานั้น ขณะที่มู่เซิ่งกับเจียงหว่านกำลังเตรียมตัวจะออกไป ไม่มีใครคาดคิดได้ จ้าวเหมยเหมยจู่ ๆ ก็วิ่งเข้าไปขวางหน้าเจียงหว่าน ใช้มือผลักตรงเข้าไป
“นังแพศยา แกถือดีอะไรมาเอาเงินของตระกูลพวกเรา แกใช้ฐานะอะไร!”
ในสายตาของเธอ เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นการชี้นำของเจียงหว่าน ก็ที่ได้รู้มาว่าตระกูลเจียงกับมู่ซื่อกรุ๊ปมีการร่วมงานกันอย่างลึกซึ้ง ส่วนตระกูลกู่นี้ คงต้องเป็นเพราะเห็นแก่หน้าเจียงหว่านจึงได้ทำแบบนี้!
การกระทำอย่างกะทันหันนี้ เจียงหว่านไม่ทันได้ตั้งตัว ขาปัดสลับไขว้ ตัวก็เซล้มไปข้างหลัง ถ้าไม่ได้มู่เซิ่งประคองรับไว้ทัน เจียงหว่านคงได้ล้มกลิ้งไปกับพื้นแล้ว
นัยน์ตาที่อมยิ้มอยู่แต่เดิมของมู่เซิ่ง พลันปกคลุมเต็มไปด้วยหมอกดำทะมึน!
เจียงหว่านถ้าถูกผลักล้ม กระแทกลงไปกับพื้นที่เป็นปูนทั้งหมดนี้ บาดเจ็บนั้นเรื่องหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคืออาจทำให้เสียโฉมก็เป็นได้!
จิตใจของคนบ้านนี้ ช่างเหี้ยมเกรียมอะไรถึงขนาดนี้!
แต่ จ้าวเหมยเหมยที่คุ้นชินกับการมองมู่เซิ่งเป็นแค่เศษขยะ ไม่ได้ไปมองหน้าเขา ยังคงเงื้อมือขึ้นต่อ ฟาดฝ่ามือลงใส่ไปที่หน้าของเจียงหว่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...