มู่เซิ่งยิ้มอย่างเรียบเฉย“พวกคุณอยากเข้ามาทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่หรอ?ผมสามารถช่วยได้นะ”
ถ้าไม่เป็นเพราะบรรยากาศที่น่าเบื่อ และสีหน้าที่ควบคุมไม่ได้ของเจียงหนาน มู่เซิ่งไม่อยากสนใจพวกเธอด้วยซ้ำ
แต่แล้ว พวกเธอที่ได้ยินดังนั้น
หลังจากที่ภายในห้องรับแขกเงียบไปครู่หนึ่ง หลินซ่วนหร่านกับหลินหลิ่วจือทั้งสองคน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“แกเนี่ยนะจะช่วยได้?แกจะช่วยอะไรได้?”
หลินซ่วนหร่านหัวเราะกับมู่เซิ่ง แทบจะหัวเราะจนน้ำตาไหล ในสายตาของเธอ ตอนนี้มู่เซิ่งเหมือนตัวตลกคนหนึ่ง แล้วหัวเราะ“ไอ้สวะ แกรู้ไหมว่ามู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในตำแหน่งอะไร?อีกทั้งเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยต้องเป็นคนมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการถึงจะสามารถติดต่อได้ แกรู้จักไหม?”
หลินหลิ่วจือกวาดตามองมู่เซิ่ง แล้วทำเสียงหึ
ต่างพูดกันว่ามู่เซิ่งเป็นสวะ ตอนนี้ดูท่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง เป็นไปตามคาดเขาสามารถพูดออกมาได้ทุกเรื่อง
“รีบไสหัวไปซะ อย่ามาขวางหูขวางตาอยู่ตรงนี้”หลินหลิ่วจือพูดอย่างเย้ยหยัน
มู่เซิ่งส่ายหัวไปมา ไม่อยากใส่ใจกับคำพูดไร้สาระของพวกเธอ แล้วเก็บกวาดจานชามที่อยู่บนโต๊ะ
เมื่อเห็นฉากนี้ หลินซ่วนหร่านสองแม่ลูก รู้สึกมีความสุขมาก
“พี่จ้าว ไม่ต้องสนใจไอ้สวะนี่หรอก เราพูดเรื่องจริงจังกันต่อไปเถอะ”
“เรื่องที่หางาน ต้องให้พวกพี่ช่วยจัดการหน่อยนะ เพราะในบรรดาคนที่ฉันรู้จัก พี่มีฐานะในสังคมที่สุดแล้ว พี่คงไม่ช่วยฉันหรอกใช่ไหม?”
“คือ……”จ้าวหลินหน้าเสีย
ตอนที่เธอคุยโวโอ้อวด จงใจพูดว่าให้เฝิงจงเหลียงออกหน้า ซื้อบริษัทของท่านเจียงสามไว้ แต่เธอไม่รู้จักพนักงานของมู่ซื่อกรุ๊ปเลย จะให้ช่วยยังไงล่ะ
เมื่อเห็นสีหน้าของจ้าวหลิน หลินซ่วนหร่านก็รู้สึกกังวลขึ้นมา จึงรีบกล่าวว่า“พี่จ้าวคะ หรือพี่จะทนเห็นหลินหลิ่วจือหางานทำไม่ได้แบบนี้ล่ะคะ?”
หลินหลิ่วจือที่นั่งอยู่บนโซฟา พูดถากถางขึ้นมา“จ้าวหลิน เมื่อกี้คุณยังพูดอยู่ในสายเลยว่าซื้อบริษัทมาแล้ว คงไม่ใช่เรื่องโกหกหรอกนะ?”
ประโยคนี้พูดแทงใจดำจ้าวหลินมาก เธอถึงกับพูดอย่างกระวนกระวายว่า“นะ แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง”
“ในเมื่อเป็นเรื่องจริง ทำไมเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ถึงไม่ช่วยล่ะ?”
หลินซ่วนหร่านเอ่ยถาม
“นี่ นี่เป็นผลงานของลูกสาวฉัน”จ้าวหลินพูดขึ้นมา
“เจียงหว่าน?ก็จริง ฉันเกือบลืมไปเลย เธอเป็นถึงหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของมู่ซื่อกรุ๊ปในโครงการซีไห่เชียวนะ”
หลินซ่วนหร่านทำท่าเคาะหัวตัวเองเบาๆ เดิมท่าทีที่ไม่สนใจเจียงหว่าน กลับเปลี่ยนเป็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เจียงหว่าน เธอคงจะช่วยเราใช่ไหม?”
หลินหลิ่วจือเบะปาก แล้วพูดแทรกขึ้นมาว่า“พี่เจียงหว่าน ถ้าพี่ให้ฉันไปทำงานในบริษัทนั้นของพี่ ฉันว่าช่างมันเถอะค่ะ เป้าหมายของฉันคือมู่ซื่อกรุ๊ป ถึงจะแย่ยังไงก็ต้องเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง ไม่อย่างนั้น อนาคตคงไม่ก้าวไกลหรอกนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงหว่านก็พูดอธิบายอย่างเหนื่อยใจว่า“หลินหลิ่วจือ ฉันคงช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ”
“ถึงแม้ว่าฉันจะได้ทำโครงการซีไห่ แต่ฉันกับมู่ซื่อกรุ๊ป ก็อยู่ในฐานะแค่พาร์ทเนอร์กัน แม้แต่หน้าของเฝิงจงเหลียงฉันยังเคยพบเจอแค่ไม่กี่ครั้งเอง ยิ่งไม่ต้องพูดว่าสนิทกัน”
“อีกทั้ง มู่ซื่อกรุ๊ปในฐานะที่เป็นธุรกิจอันดับหนึ่ง มีแต่คนมีความสามารถทั้งนั้น มีแต่คนที่เรียนจบปริญญาเอกยังต้องผ่านการสัมภาษณ์งานตามปกติถึงจะผ่านเข้ามาทำงานได้ ฉันจะไปเอาเส้นสายที่ไหนให้เธอเดินเข้ามาทำงานล่ะ?”
เจียงหว่านไม่รู้จะทำอย่างไร
ให้เธอไปทำงานที่บริษัทตัวเอง เธอก็ดูถูกไม่อยากไปทำ จะไปทำงานที่มู่ซื่อกรุ๊ปให้ได้ แต่ว่า มู่ซื่อกรุ๊ปมันเข้าง่ายๆที่ไหนกันล่ะ?
เมื่อได้ยินคำผลักไส หลินซ่วนหร่านก็รู้สึกโกรธทันที
เธอได้ยินคำคุยโวโอ้อวดของจ้าวหลิน ถึงได้บากหน้ามาขอให้ช่วยเหลือ แต่สุดท้ายตอนนี้ ไม่ช่วยแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้?
“จ้าวหลิน ในสายเธอคุยโวโอ้อวดโม้เป็นตุเป็นตะ แต่สุดท้ายตอนนี้ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังช่วยไม่งั้นหรอ?”
หลินซ่วนหร่านพูดจาถากถาง“พี่ไม่อยากจะช่วยจริงๆ หรือช่วยไม่ได้กันแน่?”
หลินหลิ่วจือที่อยู่ข้างๆพูดสำทับขึ้นมาว่า“แม่คะ ช่างมันเถอะค่ะ หนูว่าครอบครัวนี้คงไม่เห็นเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ รังเกียจที่เราจน!”
“ใครว่าเราไม่ยอมช่วยพวกคุณ?ฉันก็บอกแล้วไงว่า ช่วยไม่ได้จริงๆ”จ้าวหลินขมวดคิ้วเป็นปม เห็นได้ชัดว่าเริ่มมีน้ำโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...