มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 259

มู่จงหยุนแสยะยิ้ม พร้อมกับลืมตาขึ้น

เขามองเห็น มู่เซิ่งหยิบตัวหมากสีขาววางลง หมากตัวสีขาวนี้ราวกับว่าเป็นตัวแปรสุดท้ายที่ทำให้หมากเกมนี้ปิดฉากลง แม้จะดูเหมือนวางลงมาเพียงเบา ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยพลังโจมตีอันหนักหน่วง ทำให้หมากตัวสีดำถึงกับเดินต่อไปไม่เป็น

เมื่อวางตัวหมากลง

บนกระดานหมาก ก็สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว โดยมู่เซิ่งเป็นฝ่ายชนะ อย่างหมดจดไร้ข้อกังขา

มู่ปู้มีสีหน้าห่อเหี่ยวขาวซีดไปหมด

“แพ้แล้ว ไม่นึกว่าจะแพ้ได้”

“คิดไม่ถึงว่า จะเกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้น”

“โธ่ ฝีมือช่างห่างชั้นกันเหลือเกิน แทบจะเป็นการพ่ายแพ้อย่างพังพาบเลย”

“ใช่เลย มู่เซิ่งคนนี้มีฝีมือการเล่นหมากล้อมที่ยอดเยี่ยมเสียจริง ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เขาไปศึกษาการเล่นหมากล้อมนี้มาตั้งแต่เมื่อไรกัน ฝีมือระดับนี้ ไม่น่าจะไร้ชื่อเสียงไม่เป็นที่รู้จักแบบนี้”

เสียงชื่นชม เสียงอุทานของทุกคน ดังสนั่นไปทั่ว

พวกเขาคาดการณ์ไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ผลลัพธ์สุดท้าย จะลงเอยเป็นแบบนี้

ทำไมมู่เซิ่งถึงเก่งกาจมากขนาดนี้?

ถ้าเก่งกาจขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่รับรู้เลย?

คนที่มีฝีมือการเล่นหมากล้อมระดับนี้ จะยอมทำตัวเงียบเชียบไร้ชื่อเสียงแบบนี้เหรอ?

ในหัวสมองของทุกคน ต่างก็เกิดคำถามขึ้นมานับไม่ถ้วน

ถ้าหากบอกพวกเขาไปว่า การเล่นหมากล้อมสำหรับมู่เซิ่งแล้วนั้น ก็เป็นเพียงแค่งานอดิเรกทั่วไป เกรงว่าลูกหลานตระกูลมู่ทุกคนในที่แห่งนี้ คงจะตกตะลึงกันอย่างหนักแน่

สำหรับคุณแล้วนี่ก็เป็นแค่งานอดิเรก แล้วการที่พวกเราเล่นหมากล้อมล่ะ? คือการเล่นเกมเด็กเล่นอย่างนั้นเหรอ?

มู่จงหยุนมองไปยังกระดานหมากบนจอมอนิเตอร์ ด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่อย่างที่สุด เขาถึงขนาดไปดูกระดานหมากที่อยู่บนโต๊ะด้วยอีกครั้ง เพราะสงสัยว่าจอมอนิเตอร์อาจจะเกิดปัญหา จึงทำให้หมากตัวสีขาวเป็นฝ่ายชนะ

แต่กระดานหมากที่อยู่บนโต๊ะนั้น เหมือนกันกับบนจอมอนิเตอร์ ถึงขนาดที่แม้แต่ภาพที่มู่ปู้กำลังมือสั่นนั้นก็ยังฉายอยู่บนจอภาพด้วย

“น้องชาย สันติภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก การเล่นหมากล้อมในครั้งนี้ ถือว่าพวกเราเสมอกันดีไหมล่ะ? ” มู่ปู้พูดขึ้น

เขาในฐานะที่เป็นถึงปรมาจารย์หมากล้อมที่ยิ่งใหญ่ ก่อนหน้านี้ยังจะเยาะเย้ยว่ามู่เซิ่งมีการศึกษาต่ำอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับถูกคนที่ไม่ค่อยได้ศึกษาร่ำเรียนเอาชนะไปได้ เกียรติหน้าตาของด็อกเตอร์อย่างเขาจะยังคงมีอยู่อีกหรือไม่?

แต่ ทุกคนต่างก็มองว่า มู่เซิ่งคงจะเห็นด้วยเป็นส่วนมาก

เพราะมู่เซิ่งในเวลานี้ ยังมีเรื่องที่ต้องร้องขอพวกเขาอยู่

การเลือกตั้งผู้สืบทอดเจ้าบ้านใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากที่ตระกูลมู่ทำการเปลี่ยนเจ้าบ้านแล้ว พวกเขายังคาดหวังว่ามู่ปู้หรือมู่เฟิง จะสามารถให้เกียรติเห็นแก่หน้ากันบ้าง โดยไม่ขับไล่พวกเขาออกไปจากตระกูลมู่

หากยอมรับว่าหมากเกมนี้เสมอกัน ก็ถือว่ามู่ปู้เป็นหนี้บุญคุณต่อมู่เซิ่งอยู่ครั้งหนึ่ง ผลลงเอยของพวกเขาสองพ่อลูก คงจะไม่อเนจอนาถจนเกินไปนัก

“ไม่ได้” มู่เซิ่งส่ายศีรษะ

โดยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด หนักแน่น!

ไม่เพียงเท่านี้ เขายังพูดเสริมขึ้นอีกว่า: “หากยอมแพ้ก็ตกลง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มือของมู่ปู้ที่ถือหมากตัวสีดำก็ชะงักอยู่กลางอากาศ สีหน้าท่าทางย่ำแย่ลงอย่างที่สุด

ลูกหลานตระกูลมู่ทั้งหมดต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่นึกว่ามู่เซิ่งจะเด็ดขาดขนาดนี้ ไม่ยอมให้โอกาสแม้แต่น้อยเลย? ตกลงว่านิสัยแข็งกร้าวเกินไป หรือหัวสมองโง่เง่าเกินไปกันแน่?

เขาไม่รู้หรือไงว่า จากนี้ไปตระกูลมู่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว?

โดยที่ทุกคนต่างก็แอบคิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา

มู่เซิ่งพูดแบบนี้แล้ว มู่ปู้เองก็คงจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน ดังนั้นบนกระดานหมากก็ยังดำเนินต่อไป เขายังจะยืนหยัดต่อไปอีกสักหน่อย

แต่มู่ปู้ในเวลานี้นั้นหมดทางสู้มาตั้งนานแล้ว หลังจากที่ยืนหยัดต่อไปได้อีกเพียงชั่วครู่ ก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว เพราะบนกระดานหมาก ไม่มีที่ว่างให้เขาวางหมากแล้ว

“มู่เซิ่งเป็นฝ่ายชนะ! ” ลูกหลานตระกูลมู่ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นเสียงดัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง