“ฮ่าๆๆๆ……”
มู่เฉินเทียนหัวเราะเสียงดังออกมา
เสียงนั้นดังไปทั่วห้องประชุมตระกูลมู่และดังก้องอยู่ในหูของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
มู่ปู้ มู่คู่และคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึง แม้แต่มู่เฉินเทียน มู่เฟิงและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงจนยืนนิ่ง อ้าปากตาค้าง รู้เพียงว่าสมองว่างเปล่า
ไม่น่าเลย
เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินเทียนป่วยหนักและเป็นอัมพาต เป็นง่อยที่แม้แต่นิ้วก็ยังขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ดูท่าทางในตอนนี้ของเขาแล้ว มีร่องรอยของการเป็นอัมพาตตรงไหนล่ะ?
ตอนนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามของมู่เฉินเทียน แม้จะบอกว่าเขาสามารถฆ่าวัวได้ด้วยหมัดเดียว ก็ไม่สงสัยเลย
“ฮ่าๆๆ ลูกเอ๋ย นายแน่มาก!"
มู่เฉินเทียนยิ้มกว้างและพูดว่า แผนเล่ห์เหลี่ยมของการแกล้งป่วยเหล่านี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ มู่เซิ่งเป็นคนบอกเขาเอง แต่คิดไม่ถึงว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นนี้ เขาตะคอกเสียงดังและลักษณะที่ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ซึ่งมันทำให้ทุกคนตกตะลึง
สิ่งนี้ยิ่งทำให้มู่เฉินเทียน ชื่นชมลูกชายของเขามากขึ้น
ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายของพ่อ
ต่อไปตระกูลมู่มอบให้ลูกดูแล พ่อก็วางใจแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิตใจของมู่เฉินเทียนก็กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา และเซ็นสัญญาที่อยู่บนโต๊ะจนหมด
“ต่อจากนี้ไป ตระกูลมู่ จะอยู่ภายใต้การดูแลของมู่เซิ่งลูกชายของผม”
“สัญญาและข้อตกลงทั้งหมดนี้ ผมได้โอนเป็นชื่อของมู่เซิ่งหมดแล้ว เวลานี้ มู่เซิ่งก็คือเจ้าบ้านตระกูลมู่!”
เจ้าบ้านคนใหม่!
“ต่อจากนี้ไป ตระกูลมู่จะอยู่ภายใต้การนำพาของมู่เซิ่ง จากสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองเยียนจิง เปลี่ยนเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเยียนจิง! และคาดว่า มีความหวังที่จะได้ก้าวเข้าสู่ตระกูลอิทธิพลสันโดษ!”
เสียงของมู่เฉินเทียน เสียงดังฟังมาก
ทุกคนได้ยิน ถึงขั้นอดไม่ได้ต้องปิดหู
ทันใดนั้น สมาชิกของตระกูลมู่เหล่านั้นก็เหมือนกับหมดอาลัยตายอยาก คุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็พูดขึ้นพร้อมกัน “คารวะเจ้าบ้านตระกูลมู่ คารวะเจ้าบ้านตระกูลมู่”
พวกเขาทั้งหมดต่างคุกเข่าลงไปในทิศทางของมู่เซิ่ง
จริงๆคือมู่จงหยุนได้แทรกซึมเข้าไปในตระกูลมู่ เกือบทำให้ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งเขา แต่ว่า นี่ก็มีที่มาที่ไป สำหรับเรื่องแรกมีอยู่ว่ามู่เฉินเทียนเป็นอัมพาต มู่จงหยุนได้แย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน พวกเขาจึงพายเรือตามน้ำ และทำงานให้กับมู่จงหยุน
คนเหล่านี้ที่ได้แต่มองอยู่ข้างๆ ส่วนใหญ่ทำงานให้กับมู่จงหยุน
แต่ตอนนี้ มู่เฉินเทียนไม่เพียงไม่ล้ม แต่เขากลับแปลงร่าง และปรากฏตัวอย่างสง่างามต่อหน้าผู้คน ซึ่งทำให้ในใจของสมาชิกตระกูลมู่เหล่านั้นรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
พวกเขาไม่กล้าเชื่อฟังคำสั่งของมู่จงหยุนอีกต่อไป หากมู่เฉินเทียนยังมีแผนอีก พวกเขาจะทำอย่างไร?
เพราะฉะนั้นตอนนี้ ถ้ามู่เฉินเทียนบอกซ้าย พวกเขาก็ต้องไปทางซ้าย ถ้ามู่เฉินเทียนบอกขวา พวกเขาก็ต้องมองไปทางขวา สำหรับคำสั่งของเจ้าบ้านคนนี้ ไม่กล้ามีความคิดที่จะขัดคำสั่งแม้แต่น้อย
……
อีกด้านหนึ่ง
มู่ปู้กับมู่คู่และคนอื่นๆ ยังคงอยู่ในสภาพตกตะลึงงง
มู่เฉินเทียนหายจากอาการป่วยแล้วเหรอ?
เขาหายตั้งแต่เมื่อไหร่? !
คนที่ตกใจที่สุดก็คือมู่ปู้ เพราะลงหมากแล้วถูกมู่เซิ่งปราบปราม และยังให้เขาคุกเข่าขอโทษด้วย ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกมีดแทงที่หัวใจ จากนั้น ในที่ระหว่างที่ตระกูลมู่แข่งขันการคัดเลือกตำแหน่งเจ้าบ้าน มู่เฟิงก็ยังใช้ผลกำไรจากสองหมื่นล้าน ปราบปรามเขา ความรู้สึกนี้ ทำให้เขาตกจากสวรรค์ลงมาสู่นรกในทันที
แต่ยังไม่จบ
ในช่วงเวลานี้ มู่เซิ่งลุกขึ้นมา ได้เอากำไรสามแสนห้าหมื่นล้านออกมาอย่างน่าตกใจ เป็นไปตามที่คิดๆไว้ชนะเป็นอันดับหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย เดิมทีคิดว่าคงจบลงแค่นี้ แต่ใครจะรู้ว่า มู่เฉินเทียนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน เกือบทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ขวัญหนีดีฝ่อหัวใจแทบหยุดเต้น
เรื่องราวเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆเช่นนี้ ตื่นเต้นยิ่งกว่าการนั่งรถไฟเหาะเสียอีก ทำให้มู่ปู้ ตะลึงงันไปหมด
เขาถึงขั้นมึนงง จนถึงขั้นไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของความประหลาดใจแล้ว
แม้ว่าในเวลานี้ จะบอกว่ามู่เซิ่งกลายเป็นนักเสวียน เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว
มู่จงหยุนลุกขึ้นจากพื้น เสื้อผ้าที่ยุ่งรุงรังไม่ได้จัดให้เป็นระเบียบ ชี้ไปที่มู่เฉินเทียน และอุทานว่า “มู่เฉินเทียน แกไม่ได้ป่วยเลย แกวางแผนร้าย?”
“ฮ่าๆ ใครบอกว่าฉันไม่ป่วย ฉันป่วยจริงๆ และป่วยหนักด้วย” มู่เฉินเทียนกลับไปนั่งบนรถเข็นเหมือนเดิม พลางหัวเราะเสียงดัง
“แก แก……”
มู่จงหยุนในปากรู้สึกหวานขึ้นมา ถึงกลับเป็นเลือดทะลักออกมาจากปาก
เขาแทบอยากจะชี้หน้ามู่เฉินเทียนแล้วตะโกนด่า ป่วยบ้าบออะไร แม่งเอ้ยแกยังหลอกไม่พออีกเหรอ?”
แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงก็ไร้ประโยชน์แล้ว
มู่จงหยุนจ้องมองมู่เฉินเทียน จากนั้นก็มองไปที่มู่เซิ่ง เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก ตนเองถูกเขาหลอกใช้แล้ว ถูกวางแผนชั่วร้าย เมื่อเดือนที่แล้วในการประชุมตำแหน่งผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน พวกเขาก็ได้เริ่มเตรียมการกันแล้ว
พวกแกสองพ่อลูก แผนการช่างชั่วร้ายนัก
และในเวลานี้ มู่เฉินเทียนค่อยๆเอ่ยปากพูดว่า “คุณพี่ แม้ว่าพี่จะเป็นคุณพี่ของผม แต่ต่อจากนี้ ก็ควรทำตามกฎของตระกูลมู่ เพื่อปฏิบัติตามสัญญาของตระกูลมู่”
“ผู้อาวุโสมู่ ท่านคิดว่าไงล่ะ?”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปถามผู้อาวุโสมู่อีกครั้ง
ผู้อาวุโสมู่ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก กว่าจะตั้งสติได้ สายตาที่มองไปทางมู่จงหยุน มีทั้งความชื่นชมและตำหนิเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...