ทั้งสามคนมาพักที่บ้านของชายชรา
ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวคนนี้ค่อนข้างอบอุ่น หลังจากที่เข้าพัก ตั้งใจฆ่าไก่ตัวหนึ่ง ย่างเนื้อปลาเนื้อกุ้งแสนอร่อยต่างๆ แค่ราคาตลาดเพียงอย่างเดียว ก็เกินราคาห้าสิบหยวนต่อหัวแล้ว
ฝีมือทำอาหารของชายชรานั้นธรรมดา แต่อาหารสดอร่อย หลังจากที่มู่เซิ่งทานเสร็จ ก็รู้สึกอบอุ่นในท้อง แม้ว่าภูผาวารีที่ยากแค้นหล่อเลี้ยงพวกดื้อด้าน แต่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่ขาดแคลนคนดีเช่นกัน (ภูผาวารีที่ยากแค้นหล่อเลี้ยงพวกดื้อด้าน หมายถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดีอาจจะส่งผลต่อนิสัยใจคอกับการกระทำของคนที่อยู่อาศัย)
มู่เซิ่งก็ขอให้เขาเป็นไกด์พรุ่งนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดังนั้นจึงขอให้เขาพาตัวเองไปเที่ยวเล่นรอบๆ
ตอนนี้เป็นช่วงพักทำการประมง ชายชราไม่มีอะไรทำ ก็ตอบตกลงในทันที
อย่างไรก็ตามเขาเตือนด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย และพูดขึ้นมาว่า: “พวกคุณมาเที่ยวที่เกาะไม่มีปัญหา แต่ทางที่ดีอย่าไปที่เกาะตรงข้าม เกาะนั้นผิดปกติ คนในท้องถิ่นอย่างพวกเราไม่กล้าเข้าใกล้มันเพื่อตกปลา”
“เกาะตรงข้ามเหรอ? มีความผิดปกติมากแค่ไหนกัน?”
เมื่อมู่เซิ่งได้ยินสิ่งนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเขาจำไม่ผิด ทรัพย์สมบัติบนแผนที่ ตำแหน่งก็อยู่บนเกาะตรงข้ามพอดี
“มันอันตรายมากเลยนะ ว่ากันว่า ทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวง จะมีเสียงแปลกๆดังขึ้นบนเกาะ ครั้งหนึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านของเรากลับมาจากหาปลาจนดึกเกินไป และค้างอยู่ที่เกาะนั้นคืนหนึ่ง ผลปรากฏว่าหายตัวไปในวันรุ่งขึ้น และไม่กลับมาอีกเลย ดังนั้น ปกติแล้วแทบไม่มีใครกล้าไปที่เกาะนี้เลย”ชายชรากล่าว เขาอยู่ในหมู่บ้านมานานพอสมควร ดังนั้นจึงรู้เรื่องเกาะนี้เป็นพิเศษ
“เอาแบบนี้มั้ย คุณปู่ คุณส่งพวกเราไปที่นั่นตอนกลางวัน ต่อจากนั้นค่อยมารับพวกเราตอนอาหารเย็น แบบนี้จะได้หรือเปล่า?”มู่เซิ่งก็ไม่อยากให้ชายชราเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วย จึงเอ่ยปากถาม
“เอ่อ……ตอนกลางวัน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เฮ้อ งั้นก็ได้ ไม่เข้าใจเด็กๆอย่างพวกคุณเลย อายุน้อยๆ จะไปเกาะนั้นให้ได้อะไรขึ้นมา”เมื่อเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ ชายชราก็ทำได้แค่พยักหน้าตอบตกลง
“ฉันอิ่มแล้ว ไปนอนก่อนนะ” หยางฟางฟางวางตะเกียบลง แล้วพูดอย่างเย็นชา
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่กับหมู่บ้านนี้เป็นพิเศษ ก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ หลังจากที่ทานไปสองคำก็กลับไปในห้อง
มู่เซิ่งยิ้มอย่างราบเรียบ และไม่ได้สนใจ ก็กลับไปในห้อง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเหยาเผิงย่องเข้ามาในห้องของเขา ท่าทางดูสับปลับ
“เหยาเผิง นายเข้ามาทำไม?”มู่เซิ่งขมวดคิ้วถาม
“ลูกพี่ พี่อย่าปิดบังฉันเลย พี่ว่าครอบครัวของล่ายซิ่วฉินจะต้องได้รับผลกรรมในไม่ช้าก็เร็ว คงจะเป็นแผนการของพี่ใช่มั้ย? บอกมาเร็วๆเข้า”เหยาเผิงดูท่าทางเร่งรีบจนทนไม่ไหว
เมื่อกี้นี้มู่เซิ่งไม่ลงมือ บางที่อาจเป็นเพราะมีชาวบ้านจำนวนมากมายอยู่รอบๆ ลงมือไม่ได้ บางทีก็ไม่อยากมีปัญหาสอดแทรกในขณะนี้ แต่เหยาเผิงติดตามมู่เซิ่งมานานขนาดนั้น เขารู้จักนิสัยของมู่เซิ่งเป็นอย่างดี นักเสวียนอย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีทางที่จะโดนสบประมาทแบบนี้เด็ดขาด
ดังนั้น เขาคาดเดาได้ในทันที มู่เซิ่งจะต้องมีแผนสำรองอย่างแน่นอน
“นายก็รอบคอบดี”มู่เซิ่งอดยิ้มไม่ได้
ไม่นึกเลยว่าเหยาเผิงจะเดาแผนสำรองของเขาได้ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังวิ่งมาที่ห้องของตัวเองแล้วถาม ถ้าเป็นในเวลาปกติ ต่อให้เหยาเผิงเดาได้ ก็ไม่กล้าทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ยังไงซะสถานะของเขาอยู่ในใจของมู่เซิ่ง เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่า
“ลูกพี่ พี่บอกมาเร็วๆเข้าเถอะ”เหยาเผิงเกาหูเกาแก้มอย่างกระวนกระวาย
เมื่อเห็นเหยาเผิงเป็นแบบนี้ มู่เซิ่งไม่อุบอะไรไว้อีก และพูดขึ้นมาว่า: “นายไม่ได้สังเกตเลยหรือไง? ตอนนั้นฉันหยิบเงินออกมา สายตาของชาวบ้าน แทบจะเปลี่ยนเป็นความอิจฉาออกมา ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด ห้าแสนเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับพวกเขา นับประสาอะไรกับอยู่ในมือของเด็กกำพร้ากับแม่ม่ายสองคนนั้นกันล่ะ?”(ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิดหมายถึงเดิมราษฎรจะเก็บหยกเป็นของส่วนตัวไม่ได้ ชาวบ้านคนหนึ่งมีหยกโดยไม่มีเหตุผล นอกเสียจากจะขโมยจี้ปล้นมา ต่อมาใช้เปรียบเทียบมีความสามารถแต่ถูกทำร้ายหรือได้รับอันตราย)
“ลูกพี่ ความหมายของพี่คือ?”เหยาเผิงนิ่งไป
“เอาเงินพวกนั้นไปนะสิ ในสถานการณ์แบบนี้ ล่ายซิ่วฉินจะสงสัยเพื่อนบ้านของพวกเขาในทันที เพราะว่าเงินจำนวนมหาศาลก้อนนี้ ตอนนั้นทุกคนก็เห็นอยู่ในสายตา คนชั่วก็ย่อมมีกรรมตามสนอง สถานการณ์แบบนี้ ทำให้พวกเขาฆ่าซึ่งกันและกัน ก็ดีกว่าไม่ใช่หรอกหรือ?”มู่เซิ่งพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...