“พี่ล่าย ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะมาถึงเกาะนี้อย่างปลอดภัย!”ชาวประมงคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถาม หลังจากที่เห็นว่าพวกเขาขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว ทั้งที่พวกเขาเจาะรูบนเรือสองรู ว่ากันตามเหตุผล พวกเขาน่าจะตกลงไปในน้ำตั้งนานแล้วถึงจะถูกสิ ทำไมถึงได้ปรากฏตัวอยู่บนเกาะแห่งนี้อย่างดีๆได้
ยังไงพวกชาวประมงกลุ่มนั้นก็ไม่เข้าใจ
“จะทำยังไงได้? ในเวลานี้แล้ว จะล้มเลิกงั้นเหรอ?” ล่ายซิ่วฉินแสยะยิ้มพูด“ถึงยังไงก็มีสัตว์ป่ามากมายในป่าทึบนี้ ถึงเวลานั้น ฆ่าพวกเขาตายในป่าทันที สถานที่ห่างไกล ใครจะรู้เรื่องนี้?”
“แต่ว่า ฆ่าคนมากมายขนาดนั้น จะ……”ชาวประมงหนึ่งในนั้นสั่นเทา
เมื่อก่อนเจาะรูสองรูในเรือคายัค ยังไงก็แค่คนจมน้ำตาย พวกเขาไม่ต้องลงมือโดยตรง ตอนนี้เอามีดฟันคนในทันที ในใจของชาวประมงเหล่านั้นก็รู้สึกค่อนข้างหวาดกลัว
ยังไงซะ ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เคยทำเรื่องราวฆาตกรรมแบบนี้มาก่อน
“ถ้าหากแกกลัว ตอนนี้ก็ไสหัวกลับไปซะ จะได้แบ่งเงินน้อยลงคนหนึ่ง!” ล่ายซิ่วฉินยังคงพูดเหมือนเดิม และพูดอย่างเยือกเย็นว่า: “ถุงทองในกระเป๋าเป้ของเขา ก็เพียงพอสำหรับพวกเราทุกคนที่จะเพลิดเพลินกับความมั่งคั่งรุ่งเรืองไปตลอดชีวิต! ถ้าแกอยากกลับไปเป็นชาวประมงกระจอกๆ ก็ไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ คนจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ!!”
เมื่อได้ยินคำสบประมาทของล่ายซิ่วฉิน ชาวประมงก็กัดฟันอย่างดุเดือด ขมวดคิ้วพูดว่า“แค่ฟันคนเท่านั้นเอง เหมือนกับว่ากูไม่กล้างั้นแหละ ฟันก็ฟัน!”
คนกลุ่มนี้ให้กำลังใจกันและกัน ต่อจากนั้นตามหลังของคนกลุ่มนั้นอย่างเงียบๆ และเข้าไปในป่าทึบ
อีกประมาณสิบห้านาทีต่อมา เรือของมู่เซิ่ง ก็มาถึงบริเวณเกาะอย่างเชื่อมช้า ชายชราหลี่ผูกเชือกใกล้ชายฝั่งและเทียบท่า
หลังจากที่มู่เซิ่งและคนอื่นๆกระโดดลงมา ชายชราหลี่พูดอย่างรวดเร็วว่า: “พวกคุณต้องระวังกันหน่อย เกาะนี้มีสัตว์ทะเลจริงๆ ปากสามารถกลืนกินเรือของพวกเราไปได้ในอึกเดียว ถ้าหากคุณอยากกลับไป รีบกลับไป ฉันจะมารับพวกคุณสี่โมงเย็น”
หลังจากที่ชายชราหลี่พูดจบ เห็นมู่เซิ่งและคนอื่นๆไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับไป ถึงได้ถอนหายใจ และขับเรือออกไปอย่างช้าๆ
มู่เซิ่งหยิบแผนที่ออกมาเทียบอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้ตำแหน่งของสมบัติมากแล้ว และวางตำแหน่งไว้ที่ใจกลางป่าทึบข้างหน้า
จะต้องจัดวางเครื่องจักรบางอย่างอยู่หน้าสมบัติอย่างแน่นอน ดังนั้นมู่เซิ่งก็ไม่กังวลว่าจะโดนเหมียวหงอวี่และคนอื่นเอาไป เหยาเผิงตามหลังมู่เซิ่งอย่างไม่เร่งรีบ กลับเป็นหยางฟางฟางที่สีหน้าดูกังวล ดวงตาโตคู่หนึ่งก็จ้องมองไปยังป่าทึบ ดูเหมือนจะเป็นห่วงทางที่ปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวทั้งสองคนไป หลังจากที่ตามหาพวกเขาไม่เจอ หยางฟางฟางแทบจะรอคอยด้วยความวิตกกังวล
หลังจากที่เห็นฝีมือเหนือชั้นของปรมาจารย์ทั้งสองท่าน ในใจของเธอก็ตัดสินใจได้อย่างชัดเจน ปรมาจารย์ทั้งสองท่านนี้จะต้องช่วยเหลือตระกูลของพวกเธอ ก้าวผ่านความยากลำบากไปได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าเธอคิดวิธีที่จะเชิญปรมาจารย์ทั้งสองท่านนี้กลับไปไม่ได้ รีบร้อนจนแทบจะเหมือนมดในกระทะร้อน
เมื่อเหยาเผิงเห็นสภาพนี้ของเธอ อดไม่ได้ที่จะพูดอยู่ข้างๆว่า: “หยางฟางฟาง เธอเสียใจใช่มั้ยที่อยู่กับพวกเรา?”
“เสียใจจะมีประโยชน์อะไร? ยิ่งไปกว่านั้น ฉันแค่อยากจะคุยกับปรมาจารย์ทั้งสองคน” หยางฟางฟางมองค้อนใส่เหยาเผิงแล้วพูด
“ปรมาจารย์ทั้งสองคนนั้น มีความสำคัญต่อเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยาเผิงก็ถามอีก
“เหลวไหล ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์สองท่านนี้ ฉันได้เห็นเป็นครั้งแรก วาดยันต์กันน้ำ แม้แต่ในบรรดาปรมาจารย์บู๊ก็มีไม่กี่คนที่สามารถใช้ได้ ฉันจะต้องคุยกับปรมาจารย์ทั้งสองท่านนี้ก่อน” หยางฟางฟางพูดอย่างหงุดหงิด
เธอก็รู้ดีอยู่ในใจว่า ตามหาปรมาจารย์สองคนนี้ จะต้องทุ่มเทเสียสละมหาศาลอย่างแน่นอน
“ช่วยชีวิตตระกูลเหรอ? พูดให้เร็วกว่านี้นะ เธอขอร้องลูกพี่ของพวกเราก็ได้นะ? ความแข็งแกร่งของลูกพี่เรา สุดยอดกว่าไอ้แก่สองคนนั้นมากนะ สามารถบดขยี้พวกเขาให้ตายได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียว”เหยาเผิงพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ พูดไปด้วย ยังยืดอกไปด้วย ท่าทางนั้น ราวกับกำลังยกย่องตัวของเขาเอง
หยางฟางฟางได้ยินเหยาเผิงขี้โม้ได้สุดยอด อดไม่ได้ที่จะมองมู่เซิ่งแวบหนึ่ง
เห็นแค่มู่เซิ่งเอามือทั้งสองล้วงกระเป๋า เดินอยู่บนทางอย่างสบายๆ ไม่มีท่าทางของผู้สูงส่งเลยสักนิด อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยคำพูดของเหยาเผิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...