หลู่เจ๋อเหยียบคันเร่งอย่างแรง เพื่อพุ่งตรงเข้าชนมู่เซิ่งอย่างหนักหน่วง
เขาไม่เชื่อหรอกว่า
ก็แค่มู่เซิ่ง ที่เป็นวิชาวิทยายุทธเล็กน้อยแล้วจะเก่งกาจขนาดไหนกัน?
ต่อให้นายจะมีวิชาวิทยายุทธที่เก่งกาจมากแค่ไหน ก็จะสามารถรวดเร็วไปกว่ารถสปอร์ตได้อย่างนั้นเหรอ? แม้ว่าฉันจะชนนายไม่ตาย แต่ก็สามารถจะชนให้นายขาหักลงได้!
เมื่อได้ยินเสียงเร่งเครื่องของรถสปอร์ต ซูอีเข่อก็หันหน้ากลับมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งไม่นึกว่าจะเห็นรถสปอร์ตคันหนึ่งวิ่งพุ่งตรงมาหาเธออย่างรวดเร็ว ก็พลันตะโกนร้องเสียงดัง แล้วก็ปิดตาลงด้วยความหวาดกลัว
แต่ร่างกายของมู่เซิ่งกลับไม่ได้เคลื่อนไหว ยังคงยืนอยู่ที่ด้านหน้าของซูอีเข่อเหมือนเดิม และหันหลังมามองดูเล็กน้อย
ดวงตาที่สงบนิ่งของเขา แฝงไปด้วยพลังอันน่าแปลกที่ทำให้จิตใจหวาดหวั่น ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างอยู่เหนือกาลเวลา ที่กำลังมองดูมดแมลงที่น่าสงสารอย่างไรอย่างนั้น
“สายตาแบบนี้อีกแล้ว สายตาแบบนี้อีกแล้ว! ”
สายตาที่มองผ่านไปนั้น ทำให้หลู่เจ๋ออดที่จะตัวสั่นไม่ได้ ในใจของเขา กลับเกิดความโมโหขึ้นอย่างหนัก “การที่แกทำตัวว่าตนเองอยู่เหนือสิ่งอยู่ใดนั้น มันช่างทำให้ฉันรังเกียจอย่างที่สุด! แกแม่งคิดว่าตนเองเป็นใครกัน ก็แค่ไอ้ขยะ นายก็แค่ไอ้ขยะคนหนึ่งเท่านั้น! รอให้ฉันขับรถชนนายตายลงก่อน แล้วจะเหยียบย่ำลูกตาของนายให้แหลกละเอียดไปเลย! ”
บึนบึนบึน----
รถสปอร์ตที่เดิมทีเร่งความเร็วจนถึงขีดสุดแล้ว ไม่นึกว่าจะสามารถเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นได้อีก
ทุกคนพากันตื่นตกใจ เมื่อเห็นว่าเงาร่างของมู่เซิ่งไม่ขยับเขยื้อน ในใจพลันตกตะลึง เขาไม่หลบเหรอ? หากว่าถูกชนเข้าอย่างจัง ร่างศพก็คงจะไม่สมบูรณ์เป็นแน่เลย!
ปังง!
ทุกอย่างดูเหมือนมันจะมากมาย แต่ในความจริงแล้วก็แค่ช่วงเวลาอันสั้น รถสปอร์ตที่หลู่เจ๋อขับนั้นมีความเร็วอย่างมาก เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงที่ด้านหน้าของมู่เซิ่ง จากนั้นก็พุ่งชนเข้าใส่อย่างรุนแรง
ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวลไปทั่ว!
การพุ่งชนที่รุนแรงทำให้เศษหินและฝุ่นละออง กระจัดกระจายตลบอบอวลไปทั่ว พร้อมกับควันที่หนาแน่น จนปกปิดการมองเห็นของทุกคนไปหมด
“เป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ”
“ตายแล้วล่ะสิ? ”
“ไอ้หนุ่มนั่นคงจะตายลงเป็นแน่แล้ว การพุ่งเข้าชนระดับนี้ ใครจะรอดชีวิตได้อีกล่ะ”
“หลู่เจ๋อเองก็น่าจะจบเห่เช่นกัน เขาช่างบ้าดีเดือดเกินไปแล้ว แม้แต่ซูอีเข่อก็ยังกล้าที่จะพุ่งชน เขาไม่กลัวว่าครอบครัวของซูอีเข่อจะสืบสาวราวเรื่องเพื่อเอาผิดอย่างนั้นเหรอ? ”
“บ้าไปแล้ว เขาบ้าไปแล้วจริง ๆ ด้วย”
ทุกคนอดที่จะส่ายศีรษะไปมาไม่ได้ หลู่เจ๋อผู้นี้ช่างบ้าระห่ำเกินไปแล้วจริง ๆ ไม่นึกว่าจะขับรถพุ่งชนคนอื่นอย่างไม่แยแส ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าหลู่เจ๋อเคยฆ่าคนมาก่อนแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะขับรถพุ่งชนคนอย่างบ้าระห่ำขนาดนี้
“กร็อกแกร็ก----”
ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวล ทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงของแผ่นเหล็กที่แตกหักผุพังอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็หันมองไป เมื่อฝุ่นควันจางหาย ภาพที่ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขานั้น ไม่ใช่ร่างกายที่บาดเจ็บเต็มไปด้วยเลือด แต่เป็นมู่เซิ่งที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาชูนิ้วมือขึ้นหนึ่งนิ้ว แล้วกดลงไปที่ด้านบนของหัวรถ
บริเวณหัวรถนั้นได้พังยับเยินไปหมดแล้ว แผ่นเหล็กที่แตกหักนั้นก็ตกลงมาจากที่หัวรถนี้ และถุงลมนิรภัยในตัวรถนั้นก็กระดอนเปิดออกมา ถึงต่อให้เป็นแบบนี้ ที่ตรงประตูรถก็ผุพังจนผิดรูป โดยหลู่เจ๋อที่นั่งอยู่ในรถนั้น ถูกกระแทกจนหัวแตกมีเลือดไหลออกมา
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างที่สุดมันไม่ใช่เรื่องนี้
แต่มันคือตรงบริเวณหัวรถ จุดที่มู่เซิ่งใช้ฝ่ามือกดลงไปต่างหาก โดยรถสปอร์ตคันนี้ที่มีพลังขับเคลื่อนรวดเร็วเกือบสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่นึกว่าจะหยุดลงสนิทที่ด้านหน้าของมู่เซิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเลย!
บริเวณหัวรถผุพังไปเกินกว่าครึ่ง แต่ทางมู่เซิ่งนั้น กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เมื่อมองทางซ้ายและขวา พบว่าภาพเหตุการณ์ทั้งสองฝั่งนั้นมันแตกต่างกันมากอย่างชัดเจน
โอ้ว อะไรกันวะเนี่ย!
“ฉันไม่ได้มองผิดไปหรอกนะ? แม่ง นายไม่ได้กำลังฝันอยู่หรอกนะ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...