“ทำไมพวกนายถึงอยู่กันในสภาพแบบนี้ไปได้? ” กัวปู๋เจิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา
“คุณชายกัว ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน” เวลานี้เถ้าแก่โจวพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“เข้าใจผิดกัน? นี่คือสนามแข่งรถของฉัน หากเป็นการเข้าใจผิดจะต้องถึงขั้นระเบิดรถสปอร์ตกันเลยเหรอ? ” กัวปู๋เจิ้นขมวดคิ้วหนัก และพูดขึ้นว่า: “ลุงโจว ฉันเห็นว่าคุณคือเพื่อนสนิทของพ่อฉัน จึงพาคุณมาเล่นสนุกที่นี่ แต่คุณกลับทำแบบนี้ขึ้น หากว่าต่อไปไม่มีใครกล้ามาเล่นสนุกที่สนามแข่งรถของฉันแล้วจะทำอย่างไร? ”
“เป็นความผิดของฉันเอง เชิญคุณชายกัวตรวจนับความเสียหายได้เลย ฉันจะชดเชยตามราคาเดิมทั้งหมด” เถ้าแก่โจวกล่าวขอโทษ
แม้ว่าสิ่งของเหล่านี้เขาจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่เมื่อเขาต้องการที่จะผูกมิตรเป็นเพื่อนกับมู่เซิ่งแล้ว ก็ยินยอมที่จะเป็นผู้รับโทษแทนให้ หากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถูกมู่เซิ่งรับรู้ในภายหลัง เขาก็ยังสามารถได้รับความรู้สึกที่ดีไม่น้อยจากมู่เซิ่ง
พลังความสามารถของมู่เซิ่งในตอนนี้ อย่างน้อยคงเป็นปรมาจารย์บู๊ขั้นสูงสุด และอาจจะเป็นถึงนักเสวียนก็เป็นได้ ซึ่งการได้ผูกมิตรกับบุคคลระดับนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก
เมื่อเห็นท่าทางการพูดคุยที่ดีของเถ้าแก่โจวแล้ว อีกทั้งเขาก็ยังเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลเช่นเดียวกับคุณพ่อของตนเองด้วย แน่นอนว่ากัวปู๋เจิ้นคงไม่ให้เขาชดเชยเงินทองจริง ๆ เป็นแน่ โดยคำพูดเมื่อครู่นี้นั้นก็แค่เป็นการรักษาเกียรติหน้าตาของตนเองเท่านั้น
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขายิ่งแปลกใจมากกว่า รถแข่งระเบิดขึ้นได้อย่างไร
ถ้าหากเกิดการชนกันแล้วระเบิดขึ้นแบบนี้ อย่างนั้นรถอีกคันหนึ่งล่ะ? ถ้าหากชนกำแพงแล้วพลิกคว่ำ อย่างนั้นรถก็คงระเบิดแหลกสลายเป็นผุยผงไปหมดแล้ว คนขับที่อยู่ภายในก็คงจะไม่รอดชีวิต แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เหมือนว่าจะมีแต่รถระเบิดขึ้น ไม่มีผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บ
กัวปู๋เจิ้นเตะไปที่หลู่เจ๋อที่อยู่บนพื้น จนเกลือกกลิ้งไปมา และสอบถามขึ้นว่า: “หลู่เจ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
หลู่เจ๋อเป็นหนึ่งในลูกน้องของเขา เพราะชื่นชอบแข่งรถเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงพอที่จะจำได้
“คุณชายกัว มู่เซิ่งเป็นคนกระทำ เขาใช้หมัดชกจนรถแข่งระเบิดขึ้น” แม้ว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นไปสักพักแล้ว แต่เมื่อหลู่เจ๋อพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังคงรู้สึกวิตกหวาดกลัวเช่นเคย
กัวปู๋เจิ้นตกใจ แล้วเดินเข้ามา ที่เบื้องหน้าของหลู่เจ๋อ และสอบถามต่อว่า: “หลู่เจ๋อ คนที่นายพูดถึงนั้นชื่ออะไรนะ? ”
“ก็มู่เซิ่งไง”
หลู่เจ๋อพูดซ้ำอีกครั้ง
พวกลูกเศรษฐีทั้งหลายมองดูกันอย่างตกตะลึง การที่คุณชายกัวเป็นแบบนี้ หรือว่าจะรู้จักกับมู่เซิ่ง?
กัวปู๋เจิ้นสูดหายใจลึก สีหน้าท่าทางที่หยิ่งยโสได้หมดสิ้นไป เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า: “หลู่เจ๋อ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นฝีมือของเขาอย่างนั้นเหรอ? ”
“ใช่เลยคุณชายกัว เขาช่างกำเริบเสิบสานเป็นอย่างมาก ไม่เพียงจะไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้ว ยังจะพูดโอ้อวดว่าคุณก็แค่เด็กเมื่อวานซืน ทว่าเขาคนนี้มีความสามารถที่เก่งกาจจริง ๆ รถคันนี้ของฉันถูกเขาทำลายลงจนพังยับเยินแบบนี้! ” เมื่อเห็นว่าคุณชายกัวมาถึงแล้ว หลู่เจ๋อก็เกิดความมั่นใจขึ้นมาบ้าง แล้วก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ซ้ำอีกหนึ่งรอบ และยังจะเน้นย้ำถึงความกำเริบเสิบสานของมู่เซิ่งด้วย
เมื่อเล่าจบ เขาก็ถามขึ้นคำหนึ่งว่า: “คุณชายกัว คุณรู้จักไอ้หนุ่มคนนี้ด้วยเหรอ? ”
“เปรี๊ยะ! ”
ขณะที่หลู่เจ๋อพูดคำนี้ออกมานั้น ก็ถูกตบเข้าไปที่ใบหน้าอย่างจัง
แม้แต่คำว่า ‘ไอ้หนุ่ม’ ก็ยังไม่ทันได้พูดออกไป ร่างของเขาก็กระเด็นลอยไปไกลแล้ว เดิมทีฟันครึ่งปากก็ได้ถูกมู่เซิ่งชกจนหักไปหมดแล้ว และตอนนี้ฟันอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ ก็ถูกกัวปู๋เจิ้นตบอย่างแรงจนหักไปหมดทั้งปากแล้ว
“แม่งสิ แกเป็นใครกัน? ถึงได้กล้ากล่าวหามู่เซิ่งแบบนี้? เขาพูดว่าฉันคือไอ้ขยะ ถูกต้อง ในสายตาของมู่เซิ่งแล้ว ฉันก็คือไอ้ขยะ ไม่เพียงแต่รถแข่งคันหนึ่ง ต่อให้ทั้งหมดในสนามแข่งรถ หากเขาจะระเบิดก็ปล่อยให้เขาระเบิดไปเลย! ”
“แกไอ้หน้าโง่ที่ทำธุรกิจโรงแรมกระจอก ทำไมถึงได้ก่อเรื่องขึ้นทุกวันแบบนี้ด้วย? ตอนนี้รีบไปกล่าวขอโทษต่อมู่เซิ่งเลย หากว่าทำให้คุณมู่เกิดภาพทรงจำที่ไม่ดีกับฉันแล้วล่ะก็ ฉันจะเอาแกตายแน่! ”
กัวปู๋เจิ้นยิ่งด่าก็ยิ่งโมโห ราวกับบ้าดีเดือดไปแล้ว พร้อมกับตบไปที่หน้าของหลู่เจ๋ออย่างไม่หยุด
ในปากของหลู่เจ๋อมีเลือดไหลออกมา คุกเข่าร้องไห้ สะอึกสะอื้น จนถึงตอนนี้หัวสมองของเขาก็ยังคงมึนงงไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...