“ที่นั่นค่ะ...”
ใบหน้าเจียงหว่านกำลังแดงซ่าน ชี้นิ้วไปยังห้องนอน สุรเสียงแหลมเล็กราวกับยุง
มู่เซิ่งมองไปตามทางที่เจียงหว่านชี้ อดที่จะยิ้มขำไม่ได้
ในห้องนอนของเธอกลับมีเตียงสองเตียงติดเข้าด้วยกัน เตียงมีขนาดใหญ่มาก นอนกันสามสี่คนก็ล้วนเหลือเฟือ ที่เจียงหว่านกำลังชี้ไปคือเตียงอีกครึ่งหนึ่ง
มู่เซิ่งโยนผ้าห่มไปทางด้านข้าง ปีนขึ้นเตียง สายตาของเขามันหลือบมองเห็นความกำหนัดที่ปะทุออกมาของเจียงหว่านได้ ก่อนจะกล่าวอย่างตื่นตระหนกในทันทีว่า “หลังจากนี้ ผมสามารถนอนได้แค่ที่นี่เท่านั้นหรือครับ?”
“แน่ แน่นอนอยู่แล้วสิคะ”
เจียงหว่านบีบกำผ้าห่ม รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
บรรยากาศภายในห้องนอนกำลังปกคลุมไปด้วยความเก้อเขินกลุ่มหนึ่ง
เจียงหว่านรับบรรยากาศเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว ก่อนจะกล่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “จริงสิ มู่เซิ่งคะ เงินที่ซื้อคฤหาสน์ตึกนี้ สรุปแล้วคุณเอามาจากที่ไหนหรือคะ?”
“ถ้าผมบอกว่าเป็นเงินเก็บสะสมของผมเอง คุณจะเชื่อไหมครับ?” มู่เซิ่งกล่าว
หัวของเจียงหว่านตื่นตะลึงเต้นตึกตักราวกับคลื่นกลอง บ้านราคาหลายร้อยล้าน เหตุใดเขาถึงสะสมเงินได้?
“อันที่จริงแล้ว ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ครอบครัวของอู๋หยู่เหวินออกเดินทางกัน ตอนข้ามทางม้าลายอีกนิดเดียวก็เกือบประสบอุบัติเหตุรถยนต์ครับ ก่อนจะถูกผมช่วยเอาไว้ เพื่อขอบคุณผม เขาก็เลยให้คฤหาสน์ตึกนี้กับผม” หลังมู่เซิ่งคิดไปคิดมาแล้ว ก่อนจะกล่าวออกมา
“มิน่าล่ะ อู๋คุนกับอู๋หยู่เหวินนั่นถึงให้ความเคารพนอบน้อมต่อคุณมากเช่นนี้” เจียงหว่านเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
หากมู่เซิ่งช่วยเหลืออู๋หยู่เหวินเอาไว้แล้วละก็ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดในสองสามวันมานี้ ก็ล้วนกล่าวว่ามันผ่านไปได้ทั้งหมด
“หลังจากนี้คุณหางานสักงานหนึ่งเถอะค่ะ ช่วงนี้ฉันกับคุณแม่คุย ๆ กันแล้ว ว่าถ้าคุณสามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้นอีกหน่อย เธอก็อาจจะยอมรับคุณได้ก็ได้นะคะ” เจียงหว่านกล่าว
มู่เซิ่งพยักหน้าขึ้นลง ดวงตามองตกกระทบไปบนต้นขาขาวนวลของเจียงหว่านที่โผล่ออกมาให้เห็นอีกครั้ง จู่ ๆ ก็แสยะยิ้มร้ายพลางกล่าว “รอหลังจากที่คุณแม่ยอมรับผมแล้ว ก็มานอนด้วยได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“เอ่อ...อันนี้ยังไม่ได้ค่ะ!”
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่ผมถึงจะมาได้ล่ะครับ?” มู่เซิ่งเอ่ยถาม
“เรื่องนี้ต้องดูที่การแสดงออกของคุณค่ะ” เจียงหว่านกล่าว
ส่วนเรื่องจะแสดงออกถึงระดับไหนนั้น มู่เซิ่งเอ่ยถามแล้ว แต่เจียงหว่านเองก็ไม่กล้าพูดเช่นเดียวกัน เกรงว่าการคิดอยากที่จะไปนอนข้างกายเธอฝั่งนั้น มันคงเป็นเรื่องที่ยากและยังอีกยาวไกลกระมัง
แต่มู่เซิ่งเองก็ไม่แคร์เช่นเดียวกัน ในเมื่อฝืนไปแตงก็จะไม่หวาน เพราะตอนนี้สามารถนอนในห้องนอนเดียวกันได้แล้ว สามารถได้กลิ่นหอมเจือจางบนเรือนร่างของเจียงหว่านได้แล้ว
หลังกล่าวคำจบ เจียงหว่านเองก็แอบสำรวจเขาไปมาเช่นเดียวกัน เห็นมู่เซิ่งตะแคงตัวเตรียมจะนอนแล้วจริง ๆ ภายในหัวใจของเธอกลับมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หรือว่าตอนนี้เสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่จะไม่เซ็กซี่พอ? เหตุใดเขาถึงยังไม่พุ่งเข้ามาอีก?
พูดตามตรง ความคิดความอ่านของสตรีนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากมากที่สุดแล้ว
มู่เซิ่งตื่นขึ้นมา พบว่าท่อนบนของเจียงหว่านพลิกเข้าหาจากอีกเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้นขาขาวราวหิมะข้างหนึ่งกดทับอยู่บนทรวงอกของเขา กลิ่นหอมละมุนดึงดูดคน
เขากลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกแล้ว ถึงมีปฏิกิริยาตอบกลับมาได้
ลูบ
หรือว่าไม่ลูบดี?
เพราะมีบทเรียนในตอนก่อนหน้านี้มาแล้ว มู่เซิ่งจึงไม่ลังเล ก่อนจะยื่นมือขวาออกไปลูบไล้ต้นขาของเจียงหว่าน มือสัมผัสส่วนเปลือยเปล่าที่นุ่มนิ่มเหลือหลาย ราวกับมาร์ชเมลโล่เลยก็ไม่ปาน
ลงมือไปได้ไม่นานนัก ในตอนนั้นเอง เจียงหว่านก็ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน เธอเบิกตากว้างสบตามองการกระทำของมู่เซิ่ง อยู่ ๆ ก็ร้องเสียงแหลมออกมาหนึ่งเสียงว่า “อ๊ะ! มู่เซิ่ง คุณ คุณคิดจะทำอะไรคะ?”
“คุณกดทับผมมาตลอด จะให้ผมลุกขึ้นไปแปรงฟันได้อย่างไรครับ?”
มู่เซิ่งแสร้งมีสีหน้าหมดคำจะกล่าว ก่อนจะชี้ต้นขาของเจียงหว่านไปมา
ใบหน้าของเจียงหว่านแดงระเรื่อ ปีนลุกออกจากเตียงโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องนอนทันที
ลูบ ๆ ทรวงอกไปมา ความรู้สึกในมือกลับคงสัมผัสได้อย่างเนิ่นนาน มู่เซิ่งแตะคางครุ่นคิดไปมา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ขานี้มันนุ่มดีจริง ๆ ...”
รับประทานข้าวเช้าไปแล้ว
ใบหน้าของเจียงหว่านที่แดงระเรื่อ ตอนนี้กลับเป็นปกติมากกว่าครึ่งแล้ว ทว่ายังคงก้มหน้าแดง ๆ อยู่เช่นเดิม ไม่กล้าสบตามองไปยังมู่เซิ่ง
“ตอนเที่ยงตระกูลเจียงมีประชุมค่ะ ต้องการให้พวกเราไปที่ประชุมด้วยกันทั้งหมด คุณไปเป็นเพื่อนฉันนะคะ” เจียงหว่านกล่าวเสียงเล็ก
“ประชุมหรือครับ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...