เมื่อไหร่กันที่ไป๋อี้เฉินได้รับการมองข้ามเช่นนี้ไปได้ สีหน้าดูหม่นหมองจนน่ากลัวอยู่บ้าง เพียงแต่เขารีบกดอารมณ์โทสะของตนลงไปอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวออกมาเสียงเข้มว่า: “เหลวไหลสิ้นดี หวูโยวจะไปรู้จักเจ้าได้ยังไง?”
คำพูดของไป๋อี้เฉินกลับฟังดูมีเหตุผลอยู่หลายเท่า ผู้หญิงไม่อาจจะออกจากบ้านได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว โดยเฉพาะเป็นขอบเขตกิจกรรมผู้หญิงที่อยู่ในเรือนนั้นมีข้อจำกัดอย่างยิ่ง
ปู้จิงหยูผู้นี้ยังเป็นคนที่โผล่มาแวบๆ ก็หายไปอีก สองคนเป็นไปได้ยังไงที่จะไปอยู่ด้วยกันได้
ดวงตาของฉู่หยุนเทียนเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ในอารมณ์นั้นก็มีความหนักใจหลายเท่าตัวเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน: “จอมยุทธ์ปู้กับหวูโยวเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้น่ะสิ?”
ปู้จิงหยูก็ไม่ได้โวยวาย ในทางตรงกันข้ามยังยิ้มจางๆ แล้วกล่าวว่า: “จะว่าไปแล้วคำพูดของข้า คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงพอที่จะให้ความเชื่อถือได้ งั้นก็ไม่ให้เรียกหวูโยวมา ให้นางมาพูดด้วยตัวเองเถอะ”
ในเมื่อทุกคนต่างไม่เชื่อ งั้นก็ได้เพียงเชิญคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาเท่านั้นเอง
เพียงแต่ตอนนี้ดวงตาที่แอบซ่อนไว้ใต้หน้ากากนั้นของเขา ดูเหมือนว่าจะแอบเปล่งแสงประกายอย่างผิดปกติออกมา
“อืม แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” เมื่อฝ่าบาทเห็นว่าฉู่หยุนเทียนและไป๋อี้เฉินไม่ได้คัดค้าน ก็เลยให้คนไปตามฉู่หวูโยวมา
เมื่อฉู่หวูโยวเข้ามา เห็นฝ่าบาทนั่งอยู่บนที่ประทับ และผู้ชายอีกสามคนกลับยืนอยู่กลางพลับพลาสูงคนละมุมราวกับติ่งสามขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ก็ไม่ปาน จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อยอยู่ชั่วขณะ
เดิมทีนางคิดว่าปู้จิงหยูออกหน้ารับรองว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเล็กๆ นี้ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังจะต้องไปเรียกตัวนางมาด้วย
เดิมแผนการของนางก็คือ ‘เคลื่อนย้าย’ เงินพวกนั้นออกมาจากจวนไป๋ ให้ไป๋อี้เฉินไม่อาจส่งมอบเงินได้ตามเวลาที่กำหนด
ถึงตอนนั้นนางก็ปลอมตัวเป็นชายมาบริจาคเงิน ยืมเอาโอกาสนี้ให้ฝ่าบาทมีราชโองการยุติการหมั้นหมาย
เพียงแต่นางกลับไม่เข้าใจเช่นกันว่าเงินก็มีแล้ว ท่าทางดุดันที่แสดงออกมาเช่นนั้น นางก็สามารถแสดงออกมาได้เช่นกัน
เพียงแต่ยังไงก็เป็นเพียงคนนิรนาม อัตราส่วนที่จะประสบความสำเร็จเป็นไปได้ว่ามีเพียง 6 ส่วน
แต่คำพูดของซวนหยวนหรงโม่กลับเตือนนางขึ้นมา
ปู้จิงหยูนั้นไม่ว่าจะเป็นท่าทางดุดันที่แสดงออกมา ทางความร่ำรวย ทางฐานะ ต่างก็มีความได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง
หากขอให้ปู้จิงหยูออกหน้า รับรองว่าจะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน แม้ว่าไม่มีเงินค่าใช้จ่ายก้อนนั้นก็ตาม ไม่แน่ว่าฝ่าบาทก็จะรับปากเช่นกัน
ยังไงก็ไม่มีคนอยากที่จะล่วงเกินองค์เกินพยัคฆ์ร้ายอยู่ดี
แน่นอนว่านางก็ไม่อาจจะให้ท่านพ่อไม่มีเงินค่าใช้จ่ายไปออกรบในสนามแน่
และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือปู้จิงหยูเป็นพ่อค้า ระหว่างนางและปู้จิงหยู เพียงแค่มีข้อแลกเปลี่ยนที่เสมอภาคกัน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีความยุ่งยากใดๆ
ตามที่ซวนหยวนหรงโม่พูด นางไปที่โรงเตี๊ยมมา จากนั้นนางก็เลยหาปู้จิงหยูเจออย่างราบรื่นอย่างมาก และก็คุยถึงเงื่อนไขได้อย่างราบรื่นเช่นกัน
ปู้จิงหยูก็รับปากว่าจะจะมาสักรอบให้นาง มาเพื่อคุยเงื่อนไขกับฝ่าบาท ส่งมอบเงินออกไป ยุติการหมั้นหมายของนาง แค่ทั้งหมดนี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว
เหตุใดจึงยังต้องเรียกนางมาด้วย?
ตอนที่ฉู่หวูโยวเพิ่งจะเข้ามา ปู้จิงหยูก็เดินมาที่ข้างกายนาง มือข้างหนึ่งโอบไปยังไหล่ของนางอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ ท่าทางที่สนิทสนมเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้แล้ว
ร่างของฉู่หวูโยวค่อยๆ แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงเป้าหมายในตอนนี้ นางก็เลยไม่ได้ขยับ แล้วก็ให้ความร่วมมือกับปู้จิงหยู
ความร่วมมือของฉู่หวูโยวในตอนนี้ในสายตาของคนอื่น ก็เป็นที่แน่ชัดอย่างไม่มีที่ติ
สีหน้าของไป๋อี้เฉินในตอนนี้หม่นหมองจนน้ำหยดลงมาได้เลย โดยเฉพาะเห็นมือของปู้จิงหยูโอบอยู่บนไหล่ของฉู่หวูโยว โกรธจนอยากจะตัดมือนั้นให้ขาดไปเลย
คิ้วของฉู่หยุนเทียนก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย ในดวงตานั้นยังคงมีความสงสัยหลายเท่าตัวอยู่ เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าหวูโยวและปู้จิงหยูสองคนนี้ไปอยู่ด้วยกันได้ยังไง
“หวูโยวและจอมยุทธ์ปู้รู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้ว?” ฉู่หยุนเทียนมองไปยังในดวงวตาของฉู่หวูโยวที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความรักเมตตาอยู่ในนั้น น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาหลายเท่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร
555น้องแสบ...
รออ่านน้า ชอบ มากเลยค่ะทุกเรื่องที่แอดลง อ่ะ...